Thursday, 25 April 2024
INTERNATIONAL

ผบ.ตร. แถลง ขยายผลจับกุมเครือข่ายยาเสพติด “คิงส์โพธิ์ดำ” ผู้ต้องหา 9 ราย ของกลางยาบ้ากว่า 2 ล้านเม็ด อายัดทรัพย์สินกว่า 3 ล้านบาท เครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ภาคกลาง

วันที่ 9 ธ.ค. 65 เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร., นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี, พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1, นายประสาร หยงสตาร์ ผอ.ปปส.ภาค1, พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สระบุรี ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติด”คิงส์โพธิ์ดำ” จับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดได้ จำนวน 9 ราย ยึดยาบ้า จำนวน 2,220,150 เม็ด ตรวจยึดสารตั้งต้นที่เชื่อว่าใช้ในการผลิตยาเสพติดประเภทเมทแอมเฟตามีน (คาเฟอีน/กาเฟอีน) น้ำหนักประมาณ 1,908.5 กิโลกรัม (ซึ่งสามารถใช้ในการผลิตยาบ้าได้ประมาณ 30 ล้านเม็ด) ตรวจยึดอายัดทรัพย์สินรวมมูลค่าประมาณ 3 ล้านบาท ณ ตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี

พล.อ.ประวิตร ประชุม ติดตาม กวาดล้าง "การฉ้อโกงออนไลน์" สั่ง สตช.เร่งรัดคดีให้ถึงต้นตอ ลดความเดือดร้อน ประชาชน โดยเร็วที่สุด

วันที่ 9 ธ.ค.65 เวลา 11.00 น. พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม.เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุมแก้ไขปัญหาการฉ้อโกงประชาชน ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

ที่ประชุมได้มีการหารือ เพื่อติดตามผลการดำเนินงานการแก้ไขปัญหา การฉ้อโกงประชาชนผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยพล.อ.ประวิตร ได้รับทราบแนวทางยุทธศาสตร์เพื่อการแก้ไขปัญหาดังกล่าว จากรายงานของ ก.ดีอีเอส ที่เสนอต่อนายกรัฐมนตรี แล้วประกอบด้วย 3 กลยุทธ์ได้แก่

1.) กลยุทธ์ด้านการป้องกัน
2.) กลยุทธ์ด้านการยับยั้ง
3.) กลยุทธ์ด้านการปราบปราม

โจรปล้นร้านทอง ซวย!! เจอเจ้าของร้านทองดีกรีแชมป์แม่นปืน ยิงสวน อาการโคม่า

(9 ธ.ค. 65) ผู้สื่อข่าวท้องถิ่นรายงานเหตุการณ์ 4 คนร้าย ใส่เสื้อคลุมสวมหมวกอำพรางใบหน้า สวมถุงมือ ใช้จักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน จำนวน 2 คัน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนบุกเข้าไปใน ร้านทองเยาวราช ถนนมหาดไทยบำรุง ตำบลระแหง อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก โดยใช้อาวุธปืนสั้นยิงกระจกร้าน เพื่อเปิดทางเพื่อเข้าไปก่อเหตุ แต่ถูกเจ้าของร้านใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงจนได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 คน และควบคุมตัวไว้ได้อีก 1 คน ส่วนอีก 2 คนหลบหนีไปได้

โดยชุดสืบสวนได้ล้อมจับนายเต้อ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี ชาวจังหวัดตาก 1 ใน 4 คนร้ายก่อเหตุปล้นร้านทอง เมื่อเวลาประมาณ 13.20 น. วานนี้ (8 ธันวาคม 2565) การก่อเหตุครั้งนี้คนร้ายไม่ได้ทรัพย์สิน เนื่องจากเจ้าของร้านทอง ใช้อาวุธปืนยาวลูกซองยิงต่อสู้ เพื่อปกป้องทรัพย์สิน

1 ในคนร้ายถูกยิง คือ นายวิชัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่ นายวิชัย เป็นผู้ต้องหาที่มีหมายจับศาลจังหวัดแม่สอด ในคดีร่วมกันปล้นร้านทองที่ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ในช่วงบ่ายของวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2565 เช่นเดียวกับ นายเต้อ ซึ่งมีหมายจับศาลจังหวัดแม่สอด ที่ 39/2565 ลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 ในหลายข้อหา ประกอบด้วย

- ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไปโดยมีอาวุธปืนและใช้อาวุธปืน
- ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
- พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว
- ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน

ส่วนคนร้ายอีก 2 คน ที่ร่วมกันก่อเหตุปล้นวานนี้ (8 ธันวาคม 2565) ชุดสืบสวน อยู่ระหว่างขยายผลจากนายเต้อ

“ตำรวจสอบสวนกลางทลายโกดัง แหล่งผลิตน้ำมันหล่อลื่นปลอมหลากยี่ห้อ ตรวจยึดของกลางกว่า 4 หมื่นลิตร มูลค่า 5 ล้านบาท”

วันที่ 8 ธ.ค.พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ.พ.ต.อ.ธรากร เลิศพรเจริญ รอง ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.อภิชาติ เรนชนะ ผกก.2 บก.ปคบ. ร่วมแถลงผลตรวจค้นโกดังไม่ทราบชื่อ ตั้งอยู่ที่ถ.ร่มเกล้า แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ ซึ่งพบว่าใช้เป็นสถานที่ลักลอบผลิตน้ำมันหล่อลื่นปลอม พร้อมตรวจยึดผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นยี่ห้อต่าง ๆ เช่น ptt, shell, mobill, Caltex จำนวน 40,800 ลิตร วัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต ถังบรรจุปลอมเครื่องหมายผลิตภัณฑ์อีกหลายร้อยรายการ รวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท

พล.ต.ท.จิรภพ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก. 2 บก.ปคบ.ได้เข้าตรวจค้นที่โกดังไม่ทราบชื่อในพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรีสามารถตรวจยึดผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นที่ปลอม เครื่องหมายการค้าของ PTT Lubricants ก่อนจะสืบสวนขยายผล จนกระทั่งพบสถานที่ลักลอบผลิตอยู่ที่โกดังไม่ทราบชื่อ ย่านร่มเกล้า พร้อมของกลางทั้งหมด จึงเข้าทำการจับกุม หลังจากนี้จะเรียกตัว 3 ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาแจ้งดำเนินคดีด้วย

"ชูวิทย์" แฉ 3 พล.ต.ต. "เรียกรับส่วย" ขบวนการแปลงวีซ่า เอื้อ "นายทุนจีนสีเทา"

(7 ธันวาคม 2565) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวพร้อมสุนัขคู่ใจ โดยตั้งชื่อเล่นให้ใหม่ว่า "สัน" ซึ่งในการแถลงได้กล่าวถึงการเปิดหลักฐานขบวนการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สังกัด ตม. ที่อำนวยความสะดวกให้กลุ่มทุนจีนสีเทา รวมถึงเปิดหลักฐานการจัดตั้งมูลนิธิ รับจดทะเบียนให้คนจีนเข้าพักอาศัยในไทยโดยผิดกฎหมาย

โดยตั้งชื่อการแถลงวันนี้ว่า ปฏิบัติการทลายภูเขาน้ำแข็งใต้น้ำ โดยเปิดเผยว่า มีนายตำรวจยศ พล.ต.ต. จำนวน 3 นาย ซึ่งมี 2 นาย เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติท่านหนึ่ง เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการแปลงวีซ่า และสมาคมเถื่อน โดยมีการเรียกรับเงินกับ "นายทุนจีนสีเทา" ที่เข้ามาในประเทศไทย และประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย

ทั้งนี้กลุ่มนายทุนจีนสีเทา" จะอยู่ในประเทศไทย ได้ 30 วัน โดยวีซ่านักท่องเที่ยว หลังจากนั้น หากต้องการเปลี่ยนประเภทวีซ่าเป็นวีซ่าสำหรับประกอบธุรกิจ (non b visa) หรือ อาสาสมัครมูลนิธิ (non o visa) จะติดต่อผ่านคนกลาง และไปสมัครเป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัครของมูลนิธิเถื่อน จากข้อมูลที่มีอยู่ 8 แห่ง ซึ่งหลอกว่า จัดตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในสนับสนุนการศึกษาภาษาจีนของเด็กและเยาวชน โดยจะจ่ายเงินตรงให้ตำรวจ ตม.รายละ 100,000-300,000 บาท พบข้อมูลดำเนินการระหว่างปี 2563 ถึง 2564 มีการอนุมัติเปลี่ยนประเภทวีซ่า ไปกว่า 3,325 ราย

ผบ.ตร.เปิดโครงการขยายและพัฒนาระบบตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมืออัตโนมัติระยะที่ 5 หรือ AFIS 5 โชว์ศักยภาพ พัฒนาระบบฐานข้อมูล สนับสนุนงานอาชญากรรม

วันที่ 7 ธ.ค. 65 เวลา 09.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เป็นประธานพิธีเปิดและชมสาธิต โครงการขยายและพัฒนาระบบตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมืออัตโนมัติระยะที่ 5 (Automated Fingerprint Identification System 5) หรือAFIS 5 พร้อมด้วย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.วีระ จิระวีระ รอง จตช., พล.ต.ท. อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบช.สพฐ., พล.ต.ต.ภาณุวิชญ์ ทองยิ้ม รอง ผบช.สพฐ., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สพฐ., พล.ต.ต.วรณัน สุขเจริญ รอง ผบช.สพฐ. ร่วมพิธี ณ กองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ผบ.ตร. กล่าวว่า โครงการขยายและพัฒนาระบบตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมืออัตโนมัติระยะที่ 5  หรือAFIS 5 ถือเป็นการขับเคลื่อนตามนโยบายรัฐบาล ในการพัฒนาระบบฐานข้อมูลและนำเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยมาใช้ เชื่อมโยงข้อมูลในระบบเครือข่ายมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเฉพาะระบบคอมพิวเตอร์ AFIS 5 จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการสนับสนุนงานสืบสวนสอบสวนตอบสนองต่อการปฏิบัติงานของตำรวจ

กองทะเบียนประวัติอาชญากรได้นำระบบตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมืออัตโนมัติ Automated Fingerprint Identification System (AFIS) เข้ามาใช้งานตั้งแต่ปี 2537 ในมิติต่าง ๆ งาน สืบสวนสอบสวน ได้แก่ สนับสนุนข้อมูลประวัติการกระทำความผิดของผู้ต้องหาและบุคคล การพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล การตรวจสอบหมายจับ ทรัพย์หาย รถหาย แผนประทุษกรรม คนหายพลัดหลง และศพไม่ทราบชื่อ ฯลฯ ให้กับพนักงานสอบสวน การให้บริการประชาชนและสังคม ในการให้บริการตรวจสอบประวัติอาชญากร เพื่อการสมัครงาน และการขออนุญาตต่าง ๆ แก่ประชาชนทั่วไป การสนับสนุนงานวิทยาการ โดยเป็นฐานข้อมูลการตรวจสอบลายนิ้วมือแฝง ให้กับหน่วยงานในสังกัดสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ AFIS เป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่ช่วยการทำงานแก่เจ้าหน้าที่ งานทะเบียนประวัติอาชญากร มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ AFIS 1-AFIS 5

"สมศักดิ์" จี้!! การไฟฟ้าฯ ตรวจสอบ มีจนท.เอี่ยวหรือไม่ หลัง ดีเอสไอจับกลุ่มขโมยไฟฟ้าขุดบิทคอยน์เสียหายกว่า 500 ล้าน!!!

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยนายธนวัชร นิติกาญจนา ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.วรณันท์ ศรีล้ำ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายชวภณ สินพูนภักดิ์ หัวหน้าคณะพนักงานสืบสวน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว

โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า จากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้เปิดปฏิบัติการปราบโกงสายฟ้าฟาด ปราบปรามจับกุมกลุ่มผู้ที่ทำการลักลอบใช้กระแสไฟฟ้า เพื่อนำมาใช้ในการขุดเหรียญดิจิทัล โดยเฉพาะบิทคอยน์ในพื้นที่ จ.นนทบุรี 39 แห่ง และกรุงเทพมหานคร 2 แห่ง รวม 41 จุด หลังจากที่มีผู้ร้องเรียนและทำการสืบสวนสอบสวนมาเกือบ 1 ปี โดยสามารถจับกุมผู้กระทำผิดเพศชาย 1 ราย อายุ 30 ปี และยึดเครื่องขุดเงินดิจิทัลรุ่นเอส 9 ได้ประมาณ 3,500 เครื่อง ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า กลุ่มผู้กระทำผิดได้ลักลอบติดตั้งตั้งเครื่องขุดเงินดิจิทัลแห่งละประมาณ 100 เครื่อง โดยทำมาแล้วประมาณ 2 ปี ส่งผลให้รัฐเสียหายค่าไฟฟ้าเดือนละ 20-30 ล้านบาท รวม 2 ปีกว่า 500 ล้านบาท และจากการตรวจสอบพบว่าที่ผ่านมามีการลักลอบใช้ไฟฟ้าในอาคารพาณิชย์ปริมาณสูงมากส่งผลให้มีอุณหภูมิสูงตามไปด้วย ซึ่งการใช้ไฟฟ้าลักษณะนี้ทำให้มีอาคารพาณิชย์ถูกไฟไหม้ไปแล้วประมาณ 3 แห่ง จึงถือว่าอันตรายมาก

ตำรวจปคบ.-อย.ลุยจับ 8 คลินิกเถื่อน ลักลอบเปิดเสริมความงาม ฉีดฟิลเลอร์ หรือโบท๊อกซ์ เตือนระวังอย่าเห็นกับของถูก อาจถึงตายได้

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 6 ธ.ค. พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ.พ.ต.อ. ธรากร เลิศพรเจริญ รองผบก.ปคบ. พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคบ.พร้อมด้วย นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ภญ.อรัญญา เทพพิทักษ์ ผอ.ศูนย์จัดการเรื่องร้องเรียนและปราบปรามการกระทาผิดกฎหมายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ (ศรป.) ร่วมกันแถลงผลกวาดล้างจับกุมคลินิกเสริมความงามเถื่อน 8 แห่งในพื้นที่ กรุงเทพฯ,ชลบุรี, สมุทรสงคราม และปทุมธานี

จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาไว้ได้ 8 ราย คือน.ส.ธนัศร ชัยสมศรี อายุ 24 ปี น.ส.ศรีษุณี  ปัญญาวัฒน์ อายุ 36 ปี น.ส.ณปาภัทร ชิณะวิ อายุ 39 ปี นายจิรัฏฐ์ ลาภะนาวิน อายุ 23 ปี น.ส.ศศิพัชร์ ตะสิงห์ อายุ 36 ปี นายกรกรต หมวกไสว อายุ 54 ปี น.ส.บุญพา ผาสุข อายุ 48 ปี และ น.ส.อังคนาง อินทวี อายุ 26 ปี

พ.ต.อ.เนติ เปิดเผยว่า ก่อนหน้าได้รับเรื่องร้องเรียนจาก อย.และ สบส. ให้สืบสวนกรณีมีบุคคลแอบอ้างตัวเป็นแพทย์หลอกเสริมความงามให้ประชาชนหลายพื้นที่ ผู้ให้บริการไม่ใช่แพทย์จริง ๆ บางรายก็ใช้การศึกษาวิธีการฉีดเสริมความงามด้วยตนเองจากทาง YouTube และสั่งยาต่าง ๆ จากช่องทางออนไลน์ ก่อนมาทดลองฉีดหน้าตนเอง ก่อนจะมาทำให้กับลูกค้า

บุกยึดไอซ์ 4.04 กก. ซุกหมอนเตรียมส่งฮ่องกง!! พร้อมขยายผลจับกุมอาชญากรต่างชาติ

นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. เผยผลการดำเนินงานภายใต้ชุดปฏิบัติการร่วมโครงการสกัดกั้นยาเสพติดผ่านท่าเรือ (seaport interdiction task force: SITF) ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. บช.ปส. ศุลกากร และศูนย์รักษาความปลอดภัย ตรวจยึดไอซ์ 4.04 กก. ซุกซ่อนในหมอนยางพารา เหตุเกิดที่ท่าเรือกรุงเทพฯ ชุดปฏิบัติการ SITF ได้ตรวจสอบพัสดุต้องสงสัยขาออก ปลายทางระบุชื่อผู้รับในเกาลูนเบย์ ฮ่องกง โดยสำแดงเป็นหมอน

จากการสืบสวนขยายผล ผู้ส่งเป็นผู้ต้องหาสัญชาติจีน อาศัยอยู่ในเขตวังทองหลาง กทม. มีความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายการค้ายาเสพติดชาวต่างชาติ โดยมีประวัติการลักลอบส่งออกยาเสพติดไปต่างประเทศ จึงขยายผลและเข้าจับกุมได้ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ย่านรามคำแหง หลังการจับกุมได้ทำการตรวจค้นที่บ้านพัก ไม่พบสิ่งผิดกฏหมาย แต่พบลังใส่หมอนพาราจำนวนมาก ลักษณะเดียวกับที่ตรวจยึดได้


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. Klang Time Thailand
Take Me Top