Friday, 29 March 2024
ECONBIZ NEWS

‘อินโนบิก’ ผนึก ‘ฮาตาริ เน็กซ์’ จำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์แบบใช้ในบ้าน รองรับเทรนด์ดูแลสุขภาพง่ายๆ ด้วยตนเอง

อินโนบิก ร่วมมือกับ ฮาตาริ เน็กซ์ มุ่งนำร่องพัฒนาและจัดจำหน่าย อุปกรณ์ทางการแพทย์ แบบใช้ภายในบ้าน เพื่อให้บุคคลทั่วไปสามารถดูแลสุขภาพได้ด้วยตนเอง

บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จํากัด และ บริษัท ฮาตาริ เน็กซ์ จํากัด ร่วมเดินหน้าพัฒนาอุปกรณ์ทางการแพทย์แบบใช้ภายในบ้าน (Home-Use Medical Device) สะดวกพกพา ง่ายต่อการใช้งาน ซึ่งจะช่วยให้บุคคลทั่วไปสามารถดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองและคนในครอบครัวได้ดียิ่งขึ้น อาทิ การร่วมกันพัฒนาอุปกรณ์เครื่องตรวจวัดน้ำตาลในเลือดโดยไม่ต้องเจาะเลือด (Non-Invasive Blood Glucose Monitor) ที่เหมาะสมกับคนไทย โดยวางแผนพร้อมจําหน่ายภายในปี 2566 นอกจากนี้ ยังร่วมมือกันในการจัดจําหน่ายอุปกรณ์เครื่องคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบพกพาแบรนด์ CMATE และเครื่องวัดความดันโลหิตแบบพกพา โดย อินโนบิก จะเป็นผู้แทนในการจัดจําหน่ายผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งออนไลน์ ร้านขายยา และโรงพยาบาล

ดร. บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด เปิดเผยว่า “อุปกรณ์ทางการแพทย์แบบใช้ภายในบ้านถือเป็นแนวโน้มใหม่ของการป้องกันและตรวจวินิจฉัยสุขภาพเบื้องต้น โดยคาดการณ์ในอีก 5 ปีข้างหน้า ในปี 2571 จะมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 35,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จึงทำให้มีการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างสม่ำเสมอโดยอาศัยความรู้ทางการแพทย์ควบคู่กับเทคโนโลยีทางวิศวกรรมและการวิเคราะห์ข้อมูล (data analytic) ประกอบกับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และความใส่ใจด้านสุขภาพของไทย ทำให้มีความต้องการอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย สะดวกต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น ด้วยความเชี่ยวชาญและองค์ความรู้ในการพัฒนาเทคโนโลยีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของฮาตาริ ผนวกกับความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรม ความรู้ ประสบการณ์ด้านอุปกรณ์ทางการแพทย์และการดูแลรักษาสุขภาพของ

อินโนบิก จึงเกิดความร่วมมือในการพัฒนาอุปกรณ์ทางการแพทย์ แบบใช้ภายในบ้าน ที่มีระบบวิเคราะห์และประมวลผลที่แม่นยําและเข้าใจง่ายในครั้งนี้ โดยผู้ใช้สามารถตรวจประเมินสุขภาพเบื้องต้นได้ด้วยตนเองและสามารถนําข้อมูลไปปรึกษาแพทย์ได้ ตอกย้ำความมุ่งมั่น ของ อินโนบิก (เอเซีย) ที่ดำเนินธุรกิจวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต (Life Science) ยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย และลดการพึ่งพาการนําเข้า เพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านสุขภาพ

คุณวิชัย วนวิทย์ ประธานบริษัท ฮาตาริ เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่า “ความร่วมมือในครั้งนี้จะนำร่องด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีอุปกรณ์เครื่องตรวจวัดน้ำตาลในเลือดโดยไม่ต้องเจาะเลือด ที่สามารถวิเคราะห์และประมวลผลลักษณะทางกายภาพของคนไทยได้อย่างแม่นยำ ตอบโจทย์การรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานในประเทศ ที่ในปัจจุบันมียอดสะสมสูงถึง 4.8 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชนิดที่ยังไม่ต้องฉีดอินซูลินเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้ผู้ที่มีภาวะความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน หรือที่เรียกว่า Pre-Diabetes คือมีช่วงค่าระดับน้ำตาลในเลือดก่อนทานอาหารอยู่ในช่วง 100-125 มิลลิกรัม/เดซิลิตร จะมีแนวโน้มสูงขึ้น ถึงกว่าหลายสิบล้านคนและเพิ่มขึ้นกว่า 500,000 คนในแต่ละปี ความร่วมมือกันระหว่างบริษัท ฮาตาริ เน็กซ์ และ บริษัท อินโนบิก จะพัฒนาอุปกรณ์ดังกล่าวที่สามารถคำนวณค่าระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างแม่นยำ ผ่านระบบปัญญาประดิษฐ์อัจฉริยะ (AI) โดยจะมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา สะดวกต่อการพกพา ในราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อให้ผู้ป่วยเบาหวานและผู้ที่มีภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ สามารถเข้าถึงการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดได้ง่ายยิ่งขึ้น สามารถดูแลสุขภาพได้ด้วยตนเอง เพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดีให้กับคนไทยต่อไป”

“อลงกรณ์” เปิดแผนพัฒนาโคพื้นเมืองพร้อมเปิดแข่ง ”วัวลาน” เพชรบุรีสนามแรกรับปีใหม่

เร่งตั้งสมาคมกีฬาวัวลาน เล็งสร้างสนามแข่งวัวลานมาตรฐาน จัดแข่งตลอดปี ดึงนักท่องเที่ยวไทย-เทศ เที่ยวชมกีฬาประเพณีแห่งเดียวของโลก ตั้งเป้าเพิ่มรายได้เกษตรกรอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2566 นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยเกี่ยวกับ แผนการพัฒนาโคพื้นเมืองและกีฬาวัวลานสำหรับปี 2566 ว่า ภายหลังจากการจัดประชุมรวมพลคนปศุสัตว์ หารือระหว่างกรมปศุสัตว์ จังหวัดเพชรบุรี ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและกลุ่มผู้เลี้ยงโคพื้นเมืองและวัวลานในจังหวัดเพชรบุรีครั้งที่ 1 เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เพื่อรับฟังปัญหาและร่วมวางแนวทางการพัฒนาโคพื้นเมือง และการแข่งขันวัวลานกีฬาประเพณีพื้นบ้าน

ในปีนี้ กรมปศุสัตว์โดยสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเพชรบุรี มีแผนดำเนินการพัฒนาโคพื้นเมืองและวัวลานภาคตะวันตกอย่างเป็นระบบครบวงจร ตั้งแต่การพัฒนาสายพันธุ์ การพัฒนาฟาร์ม การป้องกันโรค การยกระดับปศุสัตว์แปลงใหญ่ การอนุรักษ์พันธุ์โคพื้นเมือง การขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ซึ่งเป็นอัตตลักษณ์ของเพชรบุรี การส่งเสริมประเพณีการประกวดวัวสวยงาม วัวเทียมเกวียนและการแข่งขันวัวลาน การพัฒนาตลาดเพื่อยกระดับราคา

ทั้งนี้ จะจดทะเบียนเป็นสมาคมกีฬาวัวลาน พร้อมกับสร้างสนามกีฬาแข่งวัวลานที่เป็นมาตรฐาน เช่นเดียวกับสนามม้าแข่งในประเทศไทยและในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกที่มีระเบียบและกฎหมายรองรับ และจะเปิดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เข้าชมวัวลานกีฬาประเพณีวิถีไทยในรูปแบบเกษตรท่องเที่ยว เป็นการสร้างภาพลักษณ์และชื่อเสียงให้กับวัวลานเพชรบุรี ซึ่งถือเป็นต้นตำรับประเพณีการแข่งวัวลานในประเทศไทย รวมทั้ง การส่งเสริมวัวเทียมเกวียน การประกวดพันธ์ุวัวและวัวสวยงาม โดยมีศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมจังหวัดเพชรบุรี (ศูนย์AIC มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี) และหน่วยงานเกี่ยวข้องให้การสนับสนุนส่งเสริมด้านการวิจัยพัฒนาและต่อยอด

โรงจำนำนครสวรรค์ สำรองเงิน 400 ล้าน รับปีใหม่

(27 ธ.ค.65) สถานธนานุบาล (โรงรับจำนำ) นครสวรรค์ เขตเทศบาลนครนครสวรรค์ อำเภอ จังหวัดนครสวรรค์ สำรองเงินช่วงเทศกาลปีใหม่ 400 ล้านบาท พร้อมปรับอัตราดอกเบี้ย เงินต้นไม่เกิน 5,000 บาท ไม่คิดอัตราดอกเบี้ยใน 3 เดือนแรก ทั้งนี้เพื่อต้องการช่วยเหลือประชาชนไว้ใช้จ่าย และเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยทองคำยังคงเป็นสิ่งของรับจำนำสูงสุดเกือบ 100%

นายจิรวัฒน์ ชูทอง ผู้จัดการสถานธนานุบาล 3 นครสวรรค์ บอกว่า โรงรับจำนำทั้ง 3 แห่ง ของเทศบาลนครนครสวรรค์ มีเงินสำรองไว้ให้ประชาชนรวมกัน 400 ล้านบาท เพื่อไว้ให้ประชาชนใช้จ่ายช่วงปีใหม่ หากนำของมาจำนำเงินต้นไม่เกิน 5,000 บาท ยังฟรีดอกเบี้ยในช่วง 3 เดือนแรก  หลังจากนั้นก็จะคิดดอกเบี้ยเพียง 0.25 บาท/เดือน ส่วนเงินต้นตั้งแต่ 5,001 บาทขึ้นไป คิดดอกเบี้ยร้อยละ 1 บาท/เดือนเท่านั้น

(ปทุมธานี) รมช. เกษตรชวนเที่ยวงาน 'เทศกาลโคนมแห่งชาติ 20-29 ม.ค. ปี 66' ที่ จ.สระบุรี

เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2565 เวลา 13.30 น. ที่องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายสมพร ศรีเมือง ผู้อำนวยองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ร่วมแถลงข่าวเตรียมจัดงาน 'เทศกาลโคนมแห่งชาติ ประจำปี 2566' อย่างยิ่งใหญ่ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงพระราชทานอาชีพการเลี้ยงโคนมแก่เกษตรกรไทย และชูศักยภาพการเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมนมของอาเซียน พร้อมจัดเสวนาถกสถานการณ์อุตสาหกรรมโคนม ภายใต้วิกฤติโลกและแนวทางการปรับตัวของภาคเกษตรกรในอนาคต พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด 'โยเกิร์ตอบกรอบ โพรไบโอ ตราไทย-เดนมาร์ค' ที่เตรียมออกตีตลาดในปีหน้า

นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (ในหลวงรัชกาลที่ 9) ที่พระองค์ได้พระราชทานอาชีพการเลี้ยงโคนมให้แก่ปวงชนชาวไทย และแสดงความก้าวหน้าของวิทยาการด้านการเลี้ยงโคนม รวมถึงอุตสาหกรรมโคนมของประเทศ ตลอดจนเผยแพร่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่ไปสู่เกษตรกร

โดยกิจกรรมจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-29 มกราคม 2566 ณ ฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค บริเวณเขาตาแป้น อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี โดยปีนี้จะจัดขึ้นภายใต้แนวคิด 'พัฒนาอุตสาหกรรมโคนมเพื่อชีวิตที่ดีกว่า' สำหรับการจัดงานเทศกาลโคนมฯ เกิดจากรัฐบาลได้มีมติให้วันที่ 17 มกราคมของทุกปีเป็นวันโคนมแห่งชาติ จากนั้นมาวันโคนมแห่งชาติจึงถือเป็นวันสำคัญยิ่งต่ออาชีพการเลี้ยงโคนมในประเทศไทย

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย อ.ส.ค.ได้จัดกิจกรรมเฉลิมฉลองขึ้นเป็นประจำทุกปีอย่างยิ่งใหญ่ โดยปี 2566 นี้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จเป็นองค์ประธานเปิดงาน พร้อมทั้งจะเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรนิทรรศการต่าง ๆ ภายในบริเวณงานในวันที่ 20 มกราคม 2566

ปัจจุบันอุตสาหกรรมโคนมไทยมีความก้าวหน้าเป็นลำดับ โดยประเทศไทยได้รับการยอมรับว่าเป็นศูนย์กลางข้อมูลอุตสาหกรรมนมของอาเซียน กระทรวงเกษตรฯ ได้ให้การส่งเสริมโคนมอาชีพพระราชทาน และพัฒนาศักยภาพการเลี้ยงโคนมให้กับเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง จนเกิดความมั่นคง เข้มแข็งในอาชีพ

‘ศักดิ์สยาม’ ตั้งเป้า 3 ปี ไทยเป็นฮับในอาเซียน ถ่ายทอดนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบราง

เมื่อไม่นานมานี้ (15 ธ.ค. 65) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือ ‘ผนึกกำลังพันธมิตรพัฒนาเทคโนโลยีระบบรางของภูมิภาค’ ระหว่างสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) และกลุ่มธุรกิจระบบรางฝรั่งเศส โดยการสนับสนุนของสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศส ว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ ไม่มีกำหนดกรอบระยะเวลา เป็นการต่อยอดความร่วมมือการผนึกกำลังพัฒนาศักยภาพบุคลากร เทคโนโลยี และนวัตกรรม ระหว่างสถาบันวิจัยฯ และกลุ่มอุตสาหกรรมระบบรางจากประเทศฝรั่งเศส 5 บริษัท โดยเป็นบริษัทที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีระบบราง ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับโลก

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ความร่วมมือนี้จะทำให้เกิดการทำงานร่วมกันที่เป็นรูปธรรมเรื่องต่าง ๆ ได้แก่

1.การสร้างสถาบันพัฒนาบุคลากรระบบราง ที่เป็นกลไกการพัฒนาบุคลากรระบบราง ทั้งระดับช่างเทคนิคทักษะสูง และระดับวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ โดยร่วมกับสถาบันและหน่วยงานเครือข่าย เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้อง

2.การสร้างความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนฝรั่งเศส และภาคเอกชนไทย เพื่อสร้างอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนระบบรางภายในประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย Thai First ของกระทรวงคมนาคม โดยไม่เพียงแค่ผลิตได้ แต่คาดหวังให้เกิดผู้ประกอบการไทยที่มีความเข้มแข็ง สามารถแข่งขันในเวทีโลกได้

และ 3.การวิจัยและพัฒนาร่วมกัน และถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมระบบรางชั้นแนวหน้าระหว่างกลุ่มธุรกิจระบบรางชั้นนำของฝรั่งเศส และเครือข่ายการวิจัยและพัฒนาของประเทศไทย เพื่อส่งเสริม และผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) การถ่ายทอด และการสร้างเทคโนโลยีและนวัตกรรมของภูมิภาคอาเซียนภายใน 2-3 ปีหลังจากนี้

คลังเปิดผลลงทะเบียน 'บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ' รอบใหม่

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากการประกาศผล “สถานะการลงทะเบียน” ของโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 เมื่อวันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2565 ซึ่งเป็นข้อมูลของผู้ที่ลงทะเบียนและมีการแก้ไขข้อมูลในระหว่างวันที่ 5 กันยายน – 17 พฤศจิกายน 2565

โดยมีผู้ลงทะเบียนที่มีสถานะแสดงข้อความว่า “กระทรวงการคลังได้รับข้อมูลการลงทะเบียนของท่านครบถ้วนแล้ว” จำนวนทั้งสิ้น 21,016,770 ราย ผู้ลงทะเบียนที่มีสถานะแสดงข้อความว่า “สถานะการลงทะเบียนไม่สมบูรณ์” เนื่องจากข้อมูลของผู้ลงทะเบียนไม่ตรงตามฐานข้อมูลของกรมการปกครอง จำนวนทั้งสิ้น 1,386,423 ราย (คิดเป็นร้อยละ 6.60 ของผู้ลงทะเบียนที่มีข้อมูลครบถ้วนแล้ว)

ทั้งนี้ เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ลงทะเบียนกลุ่มดังกล่าว ที่มีการยื่นเอกสารครบถ้วนแต่ยังคงมีสถานะการลงทะเบียนไม่สมบูรณ์ รวมถึงเพื่อให้มีการตรวจสอบความถูกต้อง และความเป็นปัจจุบันของข้อมูลให้ได้มากที่สุด คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานราก และสังคมในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบหลักในโครงการฯ

จึงให้มีการตรวจสอบข้อมูลของผู้ลงทะเบียนที่มีสถานะการลงทะเบียนไม่สมบูรณ์อีกครั้งหนึ่ง โดยผู้ลงทะเบียนกลุ่มดังกล่าวสามารถตรวจสอบสถานะการลงทะเบียนได้อีกครั้งในวันอังคารที่ 20 ธันวาคม 2565 ที่หน่วยงานรับลงทะเบียนทั่วประเทศหรือตรวจสอบได้ด้วยตัวเองผ่านเว็บไซต์กระทรวงการคลัง

'ประภัตร' เปิด 'ศูนย์รวมและกระจายการขนส่งสินค้าเกษตรทางราง ศรีสำราญ' เพิ่มช่องทางขนส่งสินค้าเกษตรจากสุพรรณบุรี เชื่อมทุกภูมิภาค

เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีเปิด 'ศูนย์รวมและกระจายการขนส่งสินค้าเกษตรทางราง ศรีสำราญ' พร้อมด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ผู้แทนจากบริษัท ไทยเรล โลจิสติกส์ จำกัด และการรถไฟแห่งประเทศไทย ณ ที่หยุดรถศรีสำราญ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี

มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มช่องทางการขนส่งสินค้า ผ่านระบบรางให้เกษตรกรและผู้ประกอบการด้านสินค้าเกษตร ช่วยลดต้นทุนการขนส่ง ประหยัดระยะเวลาและเพิ่มความปลอดภัยในการขนส่งสินค้า ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ชาติ ในการพัฒนาและยกระดับการขนส่งทางราง

รัฐบาล อวดภาพรวม นโยบายแก้หนี้ครัวเรือน ยัน เดินหน้าต่อ เพื่อ ศก.ภาพรวม

เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินการ “ปี 2565 ปีแห่งการแก้หนี้” ภายใต้นโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ให้ทุกส่วนราชการ สถาบันการเงินภาครัฐและเอกชน ร่วมแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนให้ได้อย่างจริงจังนั้น ทำให้สถานการณ์หนี้ครัวเรือนไทยปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดพบว่า สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ในไตรมาส 2 ปี 2565 เหลือ 88.2%  ลดลงจากไตรมาส 1 ปี 2565 ที่ 89.1% และไตรมาส 4 ปี 2564 ที่สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP สูงถึง 90% โดยหนี้ครัวเรือน 4 อันดับแรกยังคงเป็น 1.) เงินกู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 34.6 ของหนี้ครัวเรือนรวม 2.) เงินกู้เพื่อการบริโภคอุปโภคส่วนบุคคลสัดส่วนร้อยละ 28.0 ของหนี้ครัวเรือนรวม 3.) เงินกู้เพื่อการประกอบธุรกิจ สัดส่วนร้อยละ 18.2 ของหนี้ครัวเรือนรวม และ 4.) เงินกู้เพื่อซื้อหรือเช่าซื้อรถยนต์/ รถจักรยานยนต์ สัดส่วนร้อยละ 12.3 ของหนี้ครัวเรือนรวม

นายธนกร กล่าวว่า รัฐบาลแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนผ่านมาตรการต่าง ๆ ได้แก่

1.) การแก้ปัญหาหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) โดยปฏิรูปรูปแบบการชำระหนี้ อาทิ การปรับปรุงรูปแบบการจ่ายชำระหนี้คืน จากรายปีเป็นรายเดือน ชำระคืนค่างวดแบบเฉลี่ยเท่ากันทุกเดือน ขยายระยะเวลาการผ่อนชำระจาก 15 ปี เป็น 25 ปี  ปรับปรุงลำดับการตัดชำระหนี้ โดยนำไปตัดเงินต้นก่อน แล้วจึงตัดดอกเบี้ย ปรับลดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ เหลือร้อยละ 2 ต่อปี เป็นต้น

2.) การแก้ปัญหาหนี้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เช่น การประกาศกรอบอัตราค่าใช้จ่ายในการทวงถามหนี้ ที่ช่วยคุ้มครองลูกหนี้ไม่ให้ถูกเรียกเก็บเงินในการทวงถามหนี้เกินความจำเป็น

3.) การแก้ปัญหาหนี้สินข้าราชการโดยเฉพาะข้าราชการครู ยุบยอดหนี้โดยใช้ทรัพย์สินและรายได้ของครูในอนาคต เพื่อให้ยอดหนี้ลดลงและสามารถชำระคืนได้จากเงินเดือน การปรับดอกเบี้ยเงินกู้ให้ลดลงเหลือไม่เกินร้อยละ 5

4.) หนี้สินข้าราชการตำรวจ การขอความร่วมมือสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจเช่วยเหลือสมาชิกสหกรณ์ ในช่วงสถานการณ์โควิด 19 พักชำระหนี้เงินต้น ปรับลดอัตราการถือหุ้นรายเดือน จัดทำโครงการปล่อยเงินกู้ระยะสั้นดอกเบี้ยต่ำ และการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้

5.) การปรับลดและทบทวนโครงสร้างและเพดานอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม และการออกมาตรการคุ้มครองสิทธิ์ของลูกหนี้ กระทรวงการคลังปรับลดเพดานเงินกู้สินเชื่อ PICO Finance เหลือร้อยละ 33 จากร้อยละ 36 ธปท. สนับสนุนการรีไฟแนนซ์และการรวมหนี้

และ 6.) การปรับปรุงขั้นตอนในกระบวนการยุติธรรม มีการจัดตั้งศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางธุรกิจและการเงิน เน้นไกล่เกลี่ยข้อพิพาทผ่านระบบออนไลน์ โดยประชาชนสามารถยื่นคำร้องด้วยตนเองหรือผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์

ก้าวต่อไม่หยุดยั้ง NRPT เดินหน้าสร้างโรงงานผลิต Plant based กำลังผลิต 3,000 ตันต่อปี ใหญ่สุดในเอเชียแปซิฟิก

NRPT เดินหน้าสร้างโรงงานผลิตอาหารโปรตีนจากพืชครบวงจร Plant & Bean (Thailand) ใหญ่สุดในเอเชียแปซิฟิก

Nuovo Plus - Gotion ร่วมทุนสร้างโรงงานผลิตชุดแบตเตอรี่ ดันไทยสู่ผู้นำด้านแบตเตอรี่ของอาเซียน

เมื่อวานนี้ (15 ธันวาคม 2565) บริษัท นูออโว พลัส จำกัด (Nuovo Plus) บริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท อรุณ พลัส จำกัด (Arun Plus) และบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (GPSC) บรรลุข้อตกลงร่วมกับ Gotion Singapore Pte. Ltd. (Gotion) บริษัทในกลุ่มของ Gotion High-tech Co., Ltd. จัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อบริษัท เอ็นวี โกชั่น จำกัด (NV Gotion) ด้วยทุนจดทะเบียนไม่เกิน 600 ล้านบาท ในสัดส่วนการลงทุน 51% และ 49% ตามลำดับ เพื่อดำเนินธุรกิจนำเข้า ประกอบ และจัดจำหน่ายโมดูลแบตเตอรี่และชุดแบตเตอรี่สำหรับระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) และยานยนต์ไฟฟ้า (EV) พร้อมส่งมอบแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนคุณภาพสูงสู่ตลาดภายในปี 2566 ด้วยกำลังการผลิตเริ่มต้น 1 กิกะวัตต์-ชั่วโมงต่อปี และขยายกำลังการผลิตเป็น 2 กิกะวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ภายในปี 2568

ดร. บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท นูออโว พลัส จำกัด เปิดเผยว่า การผลิตแบตเตอรี่เพื่อระบบกักเก็บพลังงานและยานยนต์ไฟฟ้าถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและยานยนต์ไฟฟ้า การร่วมทุนจัดตั้ง NV Gotion ครั้งนี้ เป็นไปตามทิศทางกลยุทธ์การลงทุนธุรกิจพลังงานแห่งอนาคตของกลุ่ม ปตท. เพื่อเร่งสร้าง Energy Storage and EV Value Chain ให้ครอบคลุมในทุกมิติ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ การผสานความเชี่ยวชาญจาก Nuovo Plus และ Gotion ทั้งในด้านของการวิจัยพัฒนา ศักยภาพการผลิตแบบแข่งขันได้ การบริการด้านเทคนิคจากผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นเจ้าของเทคโนโลยีโดยตรง และการให้บริการแบบครบวงจรในประเทศไทย จะทำให้สามารถส่งมอบประสบการณ์การใช้งานแบตเตอรี่ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากลสู่ลูกค้าอุตสาหกรรมในไทยและอาเซียน โดย NV Gotion จะเริ่มก่อสร้างโรงงานประกอบชุดแบตเตอรี่ขนาด 2 กิกะวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) คาดว่าจะสามารถผลิตและส่งมอบแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนคุณภาพสูงแก่ตลาดได้ภายในไตรมาส 4 ของปี 2566 นับเป็นการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี และผลักดันเป้าหมาย Net Zero ของประเทศจากทุกภาคส่วนร่วมกัน


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. Klang Time Thailand
Take Me Top