นายธนาธร กล่าว

เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 23 มี.ค. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายพรรคก้าวไกล ร่วมหาเสียงกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ พรรคก้าวไกล ตลอดทั้งวันโดยในช่วงหนึ่งของการปราศรัย นายธนาธร กล่าวว่า วันนี้ตนเดินตลาดมาทั้งวัน

 

ก่อนหน้านี้ก็ได้เดินตลาดมาในทุกภาค พ่อค้าแม่ขายและประชาชนทุกที่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไปต่อไม่ไหวแล้ว นี่คือผลพวงจากวิกฤติโควิดที่ไม่ได้เป็นความผิดของประชาชนเลย และนี่ยิ่งเป็นเหตุผลให้ประเทศไทยจำเป็นต้องสร้างรัฐสวัสดิการขึ้นมา เพราะหากประชาชนอยู่ในสภาพอ่อนล้าเช่นนี้ ประเทศชาติจะเข้มแข็งได้อย่างไร

 

"ประเทศไทยไม่สามารถสร้างอนาคตจากการแจกเงินอย่างเดียว แต่ต้องสร้างอุตสาหกรรมใหม่มาสร้างงานให้ประชาชน รองรับคนจบการศึกษาใหม่ปีละ 7-8 แสนตำแหน่ง ทุกวันนี้อุตสาหกรรมหลักของประเทศ ทั้งยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ล้วนแต่ไม่ได้เป็นอุตสาหกรรมของคนไทย และไม่สามารถพาประเทศไปไกลกว่านี้แล้ว ประเทศไทยสามารถสร้างอุตสาหกรรมใหม่ขึ้นมา มีเทคโนโลยีเป็นของตัวเองได้มากมายจากปัญหาที่ดำรงอยู่ เช่น รถเมล์ไฟฟ้า

 

เพื่อแก้ทั้งปัญหามลพิษ การจราจร และการเข้าไม่ถึงระบบขนส่งสาธารณะของคนไทย ไปได้พร้อมๆ กัน เป็นต้น"

 

นายธนาธร กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าการเมืองยังเป็นแบบนี้อยู่ จะสร้างสังคมและประเทศไทยที่มีอนาคต จะต้องมีการปฏิรูปในเรื่องยากๆ ในเรื่องที่จะต้องเจอตอ เช่น การปฏิรูปกองทัพ การต่อสู้กับทุนผูกขาด ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยเจตจำนงทางการเมืองที่แน่วแน่ และวันนี้พรรคที่ตนเห็นว่ามีเจตจำนงปฏิรูปในเรื่องยากๆ กล้าชนปัญหาที่ต้นตอแบบนี้ ก็มีอยู่เพียงพรรคเดียวเท่านั้นคือพรรคก้าวไกล

 

"หลายคนบอกว่าพรรคอนาคตใหม่มาจนเป็นพรรคก้าวไกลในวันนี้เป็นพรรคที่สุดโต่ง แต่ความจริงแล้วทุกข้อเสนอของพรรคก้าวไกลคือข้อเสนอขั้นต่ำของทุกประเทศที่เจริญแล้วบนโลก คำถามคือสรุปแล้วพรรคก้าวไกลสุดโต่งหรือประเทศของเราล้าหลังเกินไปกันแน่ และการที่คนจำนวนหนึ่งไม่ต้องการการเปลี่ยนแปลงเป็นเพราะระบบแบบนี้กำลังเอื้อประโยชน์ให้คุณอยู่ใช่หรือไม่ ไม่ต้องไปมองที่ไหนไกล สมุทรปราการเป็นเมืองใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศไทย แต่คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้นบ้างหรือไม่ภายใต้ระบบที่เป็นมา น้ำในคลอง ขยะหน้าบ้าน ฟุตบาทริมทาง ถนนหนทาง ดีขึ้นบ้างหรือไม่ จากการเมืองแบบเดิม"

 

นายธนาธร กล่าวอีกว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จึงมีความสำคัญมาก หนึ่งเสียงของทุกคนกำหนดอนาคตของประเทศไทยได้ ขออย่าชินชากับการเมืองแบบเดิมๆ ที่ไล่เก็บบัตรประชาชนก่อนวันเลือกตั้ง ความยากจน ความไม่ยุติธรรม การเอารัดเอาเปรียบ จนยอมรับและรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ทั้งที่ความจริงแล้วอำนาจอยู่ในมือของทุกคน ที่จะทำให้ชีวิตของเราดีกว่านี้ได้โดยไม่จำเป็นต้องยอมจำนน

 

“ภารกิจของคนรุ่นเรา คือการส่งต่อสังคมที่ดีกว่านี้ให้คนรุ่นต่อไปลำบากน้อยกว่าเรา อำนาจคือบัตรเลือกตั้งของทุกคน พรรคก้าวไกลเพียงลำพังไม่พอจะเปลี่ยนแปลงได้ แต่ต้องอาศัยแรงจากทุกคนที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง อย่าให้ความอยุติธรรมเป็นส่วนหนึ่งจนชาชิน เพราะเราสร้างสังคมและประเทศที่ดีกว่านี้ให้ลูกหลานของเราได้” นายธนาธร กล่าว