Friday, 29 March 2024
ECONBIZ

กระทรวงพลังงาน จับมือ ปตท. ร่วมเป็นเจ้าภาพงาน Future Energy Asia 2023 ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมพลังงาน และยานยนต์ ระดับภูมิภาคเอเชีย

ดร.วีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศการและการประชุมสุดยอดด้านการเปลี่ยนแปลงทางพลังงานระดับภูมิภาค Future Energy Asia 2023 โดยมีนายประสงค์ อินทรหนองไผ่ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารกลยุทธ์กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ร่วมกล่าวปาฐกถาเรื่องการเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน (Energy Transition) คาดการณ์สัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม กลุ่ม ปตท. ได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเตรียมพร้อมรับความท้าทาย ตามวิสัยทัศน์ “Powering Life with Future Energy and Beyond” มุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนการดำเนินงาน สู่การดำเนินธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต อาทิ การลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและระบบกักเก็บพลังงาน ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า และธุรกิจไฮโดรเจน รวมถึงเร่งการดำเนินงานในธุรกิจ LNG ที่จะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานอีกด้วย

นักธุรกิจจีน ติดใจลำไยไทย หลังบุกชิมถึงสวน เตรียมซื้อส่งขายเมืองจีน

(ราชบุรี) นายกุลฑล ปูรณวัฒนกุล ประธานเครือข่ายธุรกิจธุรกิจ Biz Club ประเทศไทย ได้นำ ดร.ไช ชิงตัน นักธุรกิจชาวมาเลเซีย และนักธุรกิจชาวจีน พร้อมคณะเดินทางมาเยี่ยมชมสวนลำไย ที่วิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตผลไม้ปลอดภัยจากสารพิษเพื่อส่งออก ตั้งอยู่เลขที่ 26/1 หมู่ 2 ตำบลวัดแก้ว อำเภอบางแพ จังหวัดราชุบรี ของนายประยูร วิสุทธิไพศาล เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ปี 2554 บนเนื้อที่กว่า 130 ไร่ ปลูกชมพู่ มะพร้าวน้ำหอม และลำไย

ซึ่งได้ทำออกนอกฤดูส่งขายช่วงเทศกาลตรุษจีน ปีนี้เทศกาลตรุษจีนมาเร็วกว่าปีที่แล้ว ทำให้ยังคงมีผลผลิตลำไยอยู่อีกจำนวนหนึ่งกำลังออกผลผลิตเต็มต้น รสชาติหวานกรอบ เนื้อแห้ง เมล็ดลีบ เก็บผลผลิตส่งจำหน่ายไปยังต่างประเทศ อาทิ ประเทศจีน มาเลเซีย และสิงคโปร์ คาดว่าปีนี้ได้ผลผลิตประมาณ 10–12 ตัน และยังส่งจำหน่ายในตลาดบางแห่งของประเทศด้วย

จากผลผลิตที่มีคุณภาพได้มาตรฐานส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้คณะนักธุรกิจประเทศมาเลเซียและจีน เกิดความสนใจถึงกับเดินทางมานั่งเรือชมสวนลำไย พร้อมกับดูสภาพพื้นที่การปลูก ซึ่งทำเป็นลักษณะร่องสวน มีต้นลำไยปลูกอยู่บนร่องและอยู่ในช่วงกำลังเก็บผลผลิตได้แล้วอยู่เต็มต้น ได้ลองชิมกันสด ๆ จากต้น ผลผลิตที่ได้ปีนี้ดีมาก ผลมีขนาดใหญ่กลม เนื้อแห้ง เมล็ดลีบ หลังเก็บมาจากต้นก็จะนำมาตัดแต่งลูกเล็ก ๆ ออกไป คงเหลือไว้แต่ช่อที่มีผลใหญ่ ได้ขนาดเตรียมบรรจุลงกล่องโฟมส่งจำหน่ายลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ด้วยผลผลิตมีคุณภาพดี ทำให้มียอดสั่งจองเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งนายกุลฑล ปูรณวัฒนกุล ประธานเครือข่ายธุรกิจธุรกิจ Biz Club ประเทศไทย กล่าวว่า เนื่องจากช่วงนี้ประเทศไทยได้เปิดประเทศแล้วมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยว ซึ่งตลาดใหญ่อยู่ที่ต่างประเทศ จึงพานักธุรกิจจากประเทศจีนที่ทำธุรกิจสินค้าอยู่ที่ประเทศจีน มาชมบรรยากาศการปลูก และผลิตผลไม้ที่ราชบุรี เพื่อให้นำไปเล่าต่อกับเพื่อนธุรกิจและนำสินค้าของเกษตรกรไปจำหน่ายที่ประเทศจีนต่อไปในอนาคตได้

ด้านดร.ไช ชิงตัน นักธุรกิจชาวมาเลเซีย กล่าวว่า เห็นว่าทุกคนทำงานมีชีวิตชีวา และยังได้ไปล่องเรือไปสัมผัสด้วยตัวเอง ชินกับรสชาติลำไยนี้ด้วยอร่อยมาก ลูกใหญ่ มีความหวาน รสชาติแบบนี้หาที่ไหนไม่ค่อยได้ ไม่เจอที่อื่นเลย ปกติบางครั้งจะเจอแบบมีน้ำแฉะ แต่ลำไยที่สวนนี้จะสวยงาม เวลากินเข้าไปแล้วจะกรอบเหมือนกินแอปเปิ้ล ตอนนี้พยายามจะส่งไปที่ประเทศจีน ตัวนี้ถือว่าเป็นคุณภาพที่ดีมากและยังปลอดสารพิษด้วย

‘ปตท.’ มุ่งต่อยอด ‘ขยะ’ สู่วัสดุทดแทนที่มีคุณค่า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม - สอดคล้อง BCG Model

ปตท. มุ่งพัฒนาศักยภาพ 'ขยะ' ต่อยอดเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า ร่วมขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจ 3 มิติ (BCG Model) ของประเทศไทย

จากวัสดุเหลือทิ้ง หรือ ‘ขยะ’ ที่ถูกมองข้าม ปตท. โดยทีมนักวิจัย จากสถาบันนวัตกรรม และ บริษัท เอช จี เนกซ์ จำกัด จับมือร่วมพัฒนาต่อยอดจนได้ทางออกที่สมบูรณ์ให้กับผู้ที่อยากเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นทรัพยากรทดแทนที่มีคุณค่า เติมเต็มช่องว่างของการค้นหาทรัพยากรใหม่ ๆ ที่มีอยู่อย่างจำกัดในปัจจุบัน

เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จัดพิธีเปิดงานนิทรรศการ ‘Waste is MORE’ โดยมี นายเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในพิธีเปิดงานนิทรรศการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งเน้นให้เห็นถึงมิติของเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ผ่านการพัฒนาศักยภาพของ ‘ขยะ’ ที่ถูกมองว่าไร้ค่า ให้กลายเป็นวัสดุทดแทนที่ ‘ไม่ไร้ค่า’ อีกต่อไป โดย ปตท. พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันศักยภาพของนวัตกรรมการวิจัย และการออกแบบของคนไทย ให้เติบโตไปแข่งขันในเวทีระดับโลก ทั้งยังคำนึงถึงความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน

ปตท. ร่วมแก้วิกฤตฝุ่น PM 2.5 หนุนพนักงาน Work from Home

เมื่อวันที่ 3 ก.พ.66 นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.)  กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่มีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศที่นิ่งและปิด ทำให้ฝุ่นละอองสะสมตัวมากขึ้น และส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนในวงกว้าง ปตท. ในฐานะบริษัทพลังงานของคนไทย เราตระหนักถึงปัญหาจึงมีนโยบายให้พนักงานที่ปฏิบัติงานอยู่ในกรุงเทพมหานคร, ปทุมธานี, นครราชสีมา, พระนครศรีอยุธยา, ระยอง, ราชบุรี และขอนแก่น ปฏิบัติงานในที่พัก (Work from Home) ระหว่างวันที่ 3 – 5 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อร่วมลดผลกระทบที่เกิดจากการสัญจร

ทั้งนี้ ปตท. ยึดมั่นดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ควบคู่กับการดูแลสังคม ชุมชม และสิ่งแวดล้อม พร้อมตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2593 (ค.ศ. 2050) ซึ่งเร็วกว่าที่ประเทศกำหนด ด้วยกลยุทธ์เชิงรุก 'ปรับ เปลี่ยน ปลูก' ปรับกระบวนการผลิต ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการให้ได้สูงสุด เปลี่ยนสู่ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพิ่มสัดส่วนการลงทุนโดยมุ่งธุรกิจพลังงานสะอาด อาทิ พลังงานหมุนเวียน ระบบกักเก็บพลังงาน และธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร ปลูกป่าเพิ่ม 2 ล้านไร่ โดย ปตท. เป็นแกนหลักในการปลูก 1 ล้านไร่ ภายในปี 2573 (ค.ศ. 2030) และกลุ่ม ปตท. อีก 1 ล้านไร่ เพื่อเพิ่มปริมาณการดูดซับก๊าซเรือนกระจกจากชั้นบรรยากาศด้วยวิธีทางธรรมชาติ

กลุ่ม ปตท. ดันเทคโนโลยีดิจิทัล หนุน ศก.สร้างสรรค์ ช่วยขับเคลื่อนเสน่ห์ Soft Power ไทยสู่เวทีสากล

กลุ่ม ปตท. ร่วมขับเคลื่อน Soft Power ไทย ดันเทคโนโลยีดิจิทัลหนุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พร้อมส่งออกคอนเทนต์ไทยคุณภาพสู่เวทีสากล จับมือพันธมิตรต่อยอดต้นทุนวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย สนับสนุน ‘ระบบนิเวศสร้างสรรค์’ ผ่านอุตสาหกรรมคอนเทนต์ มุ่งพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้ได้มาตรฐานสากล รองรับการผลิตคอนเทนต์ไทยสู่ตลาดโลก เพื่อพัฒนารายได้และคุณภาพชีวิตคนไทย ยกระดับเศรษฐกิจประเทศให้เติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืน

เมื่อวันที่ 3 ก.พ.66 นายเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ซอฟท์พาวเวอร์ (Soft Power) เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการแพร่ขยายอิทธิพลทางค่านิยม หรือ วัฒนธรรม ที่นานาประเทศผลักดันให้เป็นกลยุทธ์ในการเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy)

ปตท. เล็งเห็นถึงโอกาสของการต่อยอดแนวคิดดังกล่าว เพื่อรุกเข้าสู่ธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงานให้พร้อมรับการแข่งขันบนเวทีโลก ด้วยวิสัยทัศน์ “Powering Life with Future Energy and Beyond” จึงจัดตั้งโครงการ Soft Power for Better Thailand ขึ้น เพื่อนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยยกระดับการพัฒนาซอฟท์พาวเวอร์ไทย หรือ 'เสน่ห์ไทย' ที่เกิดจากวัฒนธรรม ประเพณี และวิถีปฏิบัติอันเป็นภูมิปัญญาของประเทศไทย ที่อยู่ในความสนใจของชาวต่างชาติ ซึ่งนอกจากจะเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยแล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสทางธุรกิจที่จะสามารถดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนเพื่อขยายฐานอุตสาหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Industry) ในประเทศไทย ที่จะช่วยสนับสนุนนโยบายภาครัฐในการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย หลังสถานการณ์โรคติดเชื้อ COVID-19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกได้อีกทางหนึ่งด้วย

“ปตท. จับมือพันธมิตรภาคส่วนต่างๆ ทั้งจาก บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด (ARV) บริษัทในกลุ่ม ปตท. ที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีด้านซอฟท์พาวเวอร์ ผ่านการนำเทคโนโลยีมาช่วยยกระดับการสร้างสรรค์คอนเทนต์ไทย ภายใต้แนวคิด TECH CREATE FUN คือ การนำเทคโนโลยี (TECH) เช่น Virtual Reality, Augmented Reality, Drone และ Metaverse เป็นต้น มาเสริมศักยภาพในการสร้างสรรค์ผลงาน (CREATE) เช่น ภาพยนตร์ ดิจิทัลคอนเทนต์ หรือ งานศิลปะ เพื่อให้ทั้งผู้สร้างสรรค์ผลงานและผู้ชมได้สัมผัสประสบการณ์ที่ดีขึ้น (FUN) รวมไปถึงยังมีความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ในการจัดกิจกรรมเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาซอฟท์พาวเวอร์ไทย ด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมคอนเทนต์ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ทั้งการพัฒนาทักษะบุคลากร การสนับสนุนด้านทรัพยากรและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง โดยมียุทธศาสตร์สำคัญในการดำเนินงาน 3 ด้าน ได้แก่...

ปตท. หนุนกิจกรรม ‘เดิน-วิ่ง OLYMPIC DAY 2023’ กระตุ้นคนไทยรักสุขภาพ - กระจายรายได้สู่ภูมิภาค

ปตท. ส่งเสริมสุขภาพคนไทย พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจ สนับสนุนกิจกรรมเดิน-วิ่ง OLYMPIC DAY 2023 ใน 4 จังหวัด

(2 ก.พ. 66) นางกนกพร รอดรุ่งเรือง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารชื่อเสียงองค์กรและกิจการเพื่อสังคม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ร่วมงานแถลงข่าวพร้อมสนับสนุนการจัดกิจกรรม ‘เดิน - วิ่ง OLYMPIC 2023’ ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมี นายพิชัย ชุณหวชิระ รองประธานกรรมการ โอลิมปิกแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประธานอนุกรรมการฝ่ายกีฬาเพื่อมวลชนและสิ่งแวดล้อม ประธานจัดการแข่งขัน เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นให้ประชาชนหันมาออกกำลังกายเพื่อรักษาสุขภาพ

ชวนเที่ยว 'ตลาดบ้านสวนคลองตาจ่า' ตลาดชุมชนใกล้เมืองกรุง จำหน่ายสินค้าเกษตรไร้สาร - อาหารคาวหวานราคาย่อมเยา

เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2566 ชวนเที่ยวตลาดบ้านสวน ชุมชนคลองตาจ่า จังหวัดสมุทรสงคราม จำหน่ายสินค้าชุมชนราคาถูก สร้างรายได้ให้คนในชุมชนผ่านช่องทางการจำหน่ายผลผลิตและสินค้าของชุมชน มีราคาตั้งแต่ 2.50 -40 บาทเท่านั้น

“ตลาดบ้านสวนคลองตาจ่า” จำหน่ายอาหารคาวหวานและสินค้าชุมชนราคาถูก เพื่อสร้างรายได้ให้คนในชุมชนผ่านช่องทางการจำหน่ายผลผลิตและสินค้าของชุมชน ณ ที่ทำการวิสาหกิจชุมชนเกษตรวิถีใหม่ ร่วมใจพัฒนาบ้านคลองตาจ่า โดยเปิดพื้นที่ให้คนในชุมชนนำผลผลิต สินค้า หรือผลิตภัณฑ์แปรรูปทางการเกษตรมาจำหน่ายทุกวันเสาร์-อาทิตย์ของทุกสัปดาห์

นางดุษฎี วรรณศิลป์ ประธานวิสาหกิจชุมชนเกษตรวิถีใหม่ ร่วมใจพัฒนาบ้านคลองตาจ่า กล่าวว่า “ตลาดบ้านสวนคลองตาจ่า” เกิดจากความร่วมมือกันของคนในชุมชน หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย จึงต้องการนำเสนอความเป็นตัวตนของชาวบ้านคลองตาจ่า ซึ่งเป็นชุมชนที่นำผลผลิตจากการเพาะปลูกพืชผักผลไม้ปลอดสารพิษมาจำหน่าย และสร้างตลาดโดยไม่มีการปรุงแต่ง

รวมทั้งสินค้าทุกชนิด มีการบอกเล่าความเป็นมา และตัวตนของชาวชุมชนคลองตาจ่า ซึ่งมีการสืบทอดต่อมาจากคนรุ่นก่อน เช่น ขนมจีนที่กำเนิดมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 หรือขนมขี้หนูที่กำเนิดตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 เป็นต้น

ชาวสวนราชบุรี ปิ๊งไอเดีย! นำมะพร้าวน้ำหอมตกเกรดมาเป็นไอแปรรูปศครีม หอม หวาน อร่อย สดใหม่จากสวน

วันนี้ (27 ม.ค. 66) ที่สวนมะพร้าวน้ำหอมของลุงชะเอม เชวงโชติ อายุ 84 ปี ตั้งอยู่เลขที่  191/6 หมู่ 3 ตำบลโคกหม้อ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ปลูกมะพร้าวน้ำหอมไว้ประมาณ 1,400 ต้น หรือประมาณ 35 ไร่ โดยมีนางสาวชนัญญา เชวงโชติ หรือน้องกุ้ง วัย 40 ปี ลูกสาวของลุงชะเอม ได้เป็นสืบทอดให้เป็นผู้ดูแลสวนจากผู้เป็นพ่อ พยายามปรับปรุงพัฒนาพื้นที่ปลูกพืชแบบผสมผสาน หวังเพิ่มมูลค่า สร้างรายได้แก่ครอบครัว

สำหรับมะพร้าวน้ำหอมที่มีการจำหน่ายส่งตามโรงงานตามรอบการตัดทุก 20 วันแล้ว ก็จะมีบางลูกที่ไม่ได้ขนาดไซซ์ ทำให้น้องกุ้งมีแนวคิดนำน้ำมะพร้าวมาแปรรูปทำเป็นไอศครีมมะพร้าวน้ำหอมขึ้น เพื่อเพิ่มมูลค่า โดยทดลองนำส่วนผสมตามสัดส่วนตามความคิดของตัวเอง จนได้ไอศครีมมะพร้าวน้ำหอมที่มีเนื้อมะพร้าวผสมไปด้วย ทำให้มีรสชาติหวานมัน หอมชื่นใจ ไม่ใส่น้ำตาลปรุงแต่ง

ซึ่งนางสาวชนัญญา เชวงโชติ หรือน้องกุ้ง ได้เล่าให้ฟังว่า ที่สวนจะปลูกมะพร้าวน้ำหอมไว้หลายไร่ จะมีลูกที่ไม่ได้ขนาดถูกคัดทิ้ง หรือตกเกรด ทำให้ส่งโรงงานไม่ได้ ก็เลยคิดว่าน่าจะนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อย่างอื่นน่าจะดีกว่า จึงนำมาทำเป็นไอศครีมมะพร้าวน้ำหอม การทำก็ไม่ยาก เพราะมีมะพร้าวน้ำหอมเป็นต้นทุนที่ดีมากอยู่แล้ว ใช้มะพร้าวนำไปต้มกับใบเตยหอม และใส่กะทิแบบใช้หัวกะทิล้วน ๆ นำมาผสมกับน้ำมะพร้าวที่ต้มไว้ เสร็จแล้วก็นำไปเทลงในเครื่องปั่นประมาณ 15 นาที ก็จะได้เป็นไอศกรีมมะพร้าวน้ำหอมที่ไม่หวานมาก ไม่ใส่น้ำตาล

พ่อค้าก๋วยเตี๋ยวหัวใส แต่งเป็นสไปเดอร์แมน เดินขายสับปะรดภูแล นำเงินซื้อวัตถุดิบมาขายก๋วยเตี๋ยวต่อ

(อ่างทอง) พ่อค้าก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ แต่งตัวสไปเดอร์แมนเดินขายสับปะรดภูแลในตลาดอ่างทอง ช่วงเช้าระหว่างมาซื้อวัตถุดิบกลับร้าน เพื่อทำก๋วยเตี๋ยวขาย เผยเป็นการสร้างจุดขายเสริมรายได้ ดูแลครอบครัว

วันที่ 26 ม.ค. 2566 ที่ตลาดสดเทศบาล 2 ตำบลตลาดหลวง อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง พบสไปเดอร์แมนเดินขายสับปะรดภูแลให้ชาวบ้านที่มาซื้อของภายในตลาด สร้างสีสันให้แก่พ่อค้าแม่ค้าภายในตลาด ที่ได้พบเห็นสไปเดอร์แมนเดินถือถุงสับปะรดภูแล ที่หวานกรอบ ขายในราคาถุงละ 30 บาท และ 60 บาท เจ้าหน้าที่เทศกิจ และชาวบ้านที่พบเห็นต่างชื่นชอบที่นำสับปะรดมาขายเสริมรายได้ระหว่างมาซื้อสินค้าภายในตลาด

อำนาจละมุน! วธ.ปลุกพลัง 'Soft Power ไทย' โกยรายได้ ภูมิใจในความเป็นชาติ ชูวัฒนธรรม สร้างภาพลักษณ์ประเทศ

(กรุงเทพฯ) 'Soft Power' หรือ 'อำนาจละมุน' เป็นแนวคิดเกี่ยวกับอำนาจในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยใช้ความสามารถในการชักจูงใจ ทำให้ผู้อื่นมีความพึงพอใจหรือเต็มใจเปลี่ยนพฤติกรรม ยอมรับ คล้อยตามสิ่งที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้อำนาจ ซึ่ง ณ วันนี้ เกือบทุกประเทศทั่วโลก ได้นำแนวคิด Soft Power มาเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนของการพัฒนาระบบเศรษฐกิจ ต่อยอดให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้อย่างมหาศาล

(24 มกราคม 2566) สำหรับประเทศไทยมีการใช้วัฒนธรรมเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้าง Soft Power โดยรัฐบาลมีนโยบายผลักดัน Soft Power ความเป็นไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ที่มีศักยภาพ 5 F ได้แก่ อาหาร (Food), ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (Film), ผ้าไทยและการออกแบบแฟชั่น (Fashion), มวยไทย (Fighting) และเทศกาลประเพณี (Festival) สู่ระดับโลก เพื่อช่วยสร้างรายได้และภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศ

โดยแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศด้วย Soft Power มี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ รมว.วัฒนธรรม เป็นรองประธาน และปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นกรรมการ รวมถึงผู้ทรงคุณวุฒิจากหลายสาขา ในการกำกับนโยบาย กำหนดเป้าหมายและวางแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา Soft Power เพื่อส่งเสริมการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไปสู่นานาประเทศ

พร้อมกันนี้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรม การขับเคลื่อน Soft Power ด้วยมิติทางวัฒนธรรม ทำหน้าที่ขับเคลื่อนนโยบายและมาตรการในมิติทางวัฒนธรรม เศรษฐกิจและสังคม ยกระดับสถานะของงานวัฒนธรรม สร้างรายได้และคุณค่าทางสังคม สร้างภาพลักษณ์และความร่วมมือ ของผู้คนในประชาคมโลกบนพื้นฐานความหลากหลายทางวัฒนธรรม

นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม เล่าว่า คณะอนุกรรมการขับเคลื่อน Soft Power ด้วยมิติทางวัฒนธรรมจะจัดทำแผนการขับเคลื่อน Soft Power ด้วยมิติทางวัฒนธรรม เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทย (พ.ศ.2566-2570) ได้แก่ การกำหนดจุดยืนด้าน Soft Power ของประเทศไทย การสังเคราะห์แบรนด์ประเทศไทย และการกำหนดเป้าหมาย ยุทธศาสตร์ บนฐานข้อมูลเชิงสังคมและเศรษฐกิจที่จำเป็น อาทิ การถอดรหัสอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม และการเฟ้นหาทุนทางวัฒนธรรมใหม่ ๆ การบริหารจัดการทุนทางวัฒนธรรมเพื่อใช้ในการขับเคลื่อน Soft Power อย่างยั่งยืน การจัดทำนโยบายและมาตรการใหม่ ๆ ที่ยกระดับ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคศิลปวัฒนธรรมของไทยในระดับสากล การจัดทำและพัฒนาสถิติ ดัชนี ตัวชี้วัดด้านวัฒนธรรม ทั้งในมิติสังคมและเศรษฐกิจให้มีมาตรฐาน กำกับ ติดตาม และประเมินประสิทธิภาพของการนำแผนและนโยบายไปปฏิบัติเพื่อขับเคลื่อน Soft Power ให้สอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580) และแผนที่เกี่ยวข้องทุกระดับ

ม.มหิดล จับมือ อินโนบิก ผลิตซอสจากผัก ทานพอเหมาะ ลดเสี่ยงรับสารก่อมะเร็ง

สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล จับมือ อินโนบิก ผลิตและจำหน่ายซอสจากผัก ภายใต้โครงการวิจัย ‘ซอสซ่อนผัก’ นวัตกรรมทางเลือกเพื่อสุขภาพ

สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด ร่วมลงนามสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิเพื่อผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากงานวิจัย ‘ซอสซ่อนผัก’ และ ‘ซอสซ่อนผักสูตรเด็ก’ นวัตกรรมคิดค้นและพัฒนาโดยนักวิจัย สถาบันโภชนาการ อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามิน, แร่ธาตุ เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ และใยอาหาร เป็นทางเลือกให้กับผู้ที่มีปัญหาเรื่องการบดเคี้ยว และเด็ก ๆ ที่อาจไม่ชอบรับประทานผักได้มีสารอาหารที่เพียงพอ รวมถึงยังเป็นทางเลือกสำหรับคนรักสุขภาพอีกด้วย 

สำหรับงานวิจัย ‘ซอสซ่อนผัก’ นั้น ได้รับการยอมรับโดยได้ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการในต่างประเทศ จากผลการทดสอบในกลุ่มผู้นิยมบริโภคอาหารปิ้งย่าง เพื่อศึกษาการกำจัดสารก่อมะเร็งออกจากร่างกาย ที่มักปนมากับส่วนที่ไหม้เกรียมจากการปิ้งย่าง พบว่าการรับประทานซอสซ่อนผักในปริมาณพอเหมาะ จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการได้รับสารก่อมะเร็งได้อีกด้วย

ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด เปิดเผยว่า อินโนบิก (เอเซีย) ดำเนินธุรกิจโภชนาการทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วย และโภชนเภสัช โดยมุ่งเน้นการพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ร่วมกับพันธมิตรและผู้เชี่ยวชาญ เพื่อส่งเสริมดูแลสุขภาพของผู้บริโภคแต่ละกลุ่ม ให้มีโภชนาการที่ดีและป้องกันโรคต่างๆ  ที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมการบริโภคตามวิถีชีวิตสมัยใหม่ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อร่างกายในอนาคต 

ทั้งนี้ เรื่องโภชนาการถือเป็นสาเหตุหลักของความมั่นคงทางด้านสุขภาพและอาหารที่อินโนบิกให้ความสำคัญ การร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญที่มีศักยภาพด้านการวิจัยอย่าง สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดลครั้งนี้ เป็นการต่อยอดนวัตกรรมงานวิจัยที่ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ สู่การสร้างผลิตภัณฑ์ของคนไทย โดยมีแผนการผลิตซอสสูตรต้นตำรับและสูตรสำหรับเด็กที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย นำร่องจำหน่ายผลิตภัณฑ์บรรจุในรูปแบบซอง ตั้งเป้าออกสู่ตลาดเชิงพาณิชย์ในไตรมาสที่ 3 ปี 2566 เพื่อเพิ่มทางเลือกการทานอาหารให้กับคนไทยทุกวัย ให้ได้รับประโยชน์ ถูกปาก และสะดวกต่อการรับประทาน อีกทั้งวัตถุดิบในการผลิตซอสซ่อนผักนั้น ยังเป็นผลผลิตจากเกษตรกรไทย ถือเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับอุตสาหกรรมการเกษตรของประเทศไทย

ขยายความเจริญ!! 'ลุงหนู' ไฟเขียว!! ร่างงบฯ ปี 67 แตะ 2.44 แสนล้านบาท ดันเมกะโปรเจ็กต์ หนุนแผนระบบขนส่งคมนาคม

‘อนุทิน’ นั่งหัวโต๊ะไฟเขียวร่างงบประมาณปี 67 กว่า 2.44 แสนล้านบาท ดันโครงการเมกะโปรเจ็กต์ หนุนแผนระบบขนส่งคมนาคม เร่งสรุปผลงบประมาณรายจ่าย ชงสำนักงบประมาณภายใน 27 ม.ค.นี้

24 ม.ค. 2566 – นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 คณะที่ 3.2 แผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่างคำของบประมาณบูรณาการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 แผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ จำนวน 108 โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 244,505.6705 ล้านบาท โดยเป็นการบูรณาการร่วมกันของ 7 กระทรวง 26 หน่วยงาน

ทั้งนี้แบ่งเป็น เป้าหมายที่ 1 จำนวน 11 หน่วยงาน สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม (สปค.)กรมทางหลวง (ทล.) กรมทางหลวงชนบท (ทช.)กรมเจ้าท่า (จท.) กรมท่าอากาศยาน (ทย.) กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) (กรมการขนส่งทางราง (ขร.) สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) (การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) รวม 88 โครงการ วงเงิน 243,660.1700 ล้านบาท คิดเป็น 99.65% มีโครงการที่สำคัญ ได้แก่ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) M6 บางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา M81 บางใหญ่-กาญจนบุรี โครงการทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1065 สาย อ.พรานกระต่าย-พิษณุโลก

โครงการพัฒนาทาง และสะพานโครงข่ายทางหลวงชนบท สนับสนุนด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จ.เชียงราย โครงการศูนย์ขนส่งชายแดน จ.นครพนม โครงการปรับปรุงท่าอากาศยาน 16 แห่ง โครงการทางพิเศษ (ด่วน) สายกระทู้-ป่าตอง จ.ภูเก็ต โครงการทางหลวงพิเศษฉลองรัช ส่วนต่อขยาย ช่วงจตุโชติ-ลำลูกกา โครงการออกแบบรายละเอียดงานโยธาโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม และสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ เป็นต้น

สำหรับป้าหมายที่ 2 จำนวน 15 หน่วยงาน (จท.) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สำนักงานสภาพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ (มว.) กรมวิชาการเกษตร กรมปศุสัตว์/กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ/กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน/สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) สถาบันพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ม.พะเยา ม.เชียงใหม่ ม.บูรพา และ ม.เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา รวม 20 โครงการ วงเงิน 845.5005 ล้านบาท คิดเป็น 0.35% มีโครงการที่สำคัญ ได้แก่ โครงการพัฒนาและปรับปรุงระบบสารสนเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานและการให้บริการประชาชนเพื่อรองรับงาน NSW

ปตท. ผุด ‘on-ion’ สถานีชาร์จไฟรถยนต์ EV เต็มรูปแบบ นำร่อง 17 สาขา ศูนย์การค้าเซ็นทรัล

ออน-ไอออน เปิดให้บริการสถานีชาร์จไฟ EV ด้วยพลังงานสะอาดอย่างเต็มรูปแบบแล้ววันนี้ ในศูนย์การค้าเซ็นทรัล 17 สาขา พร้อมเชื่อมต่อความสุข ให้ทุกการเดินทางไม่สะดุด ด้วยจุดบริการทั่วไทย

เมื่อวานนี้ (18 ม.ค. 66) นายเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นายโทรณ หงศ์ลดารมภ์ Head of EV Charger Business บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (ARUN PLUS) ร่วมพิธีเปิดให้บริการสถานีอัดประจุสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ภายใต้แบรนด์ ออน-ไอออน (on-ion EV Charging Station) ในพื้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พร้อมให้บริการชาร์จไฟแก่รถยนต์ไฟฟ้าด้วยพลังงานสะอาด เชื่อมต่อความสุข เดินทางไม่สะดุด จุดบริการทั่วไทย ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว กรุงเทพฯ 

on-ion EV Charging Station พร้อมให้บริการเต็มรูปแบบในพื้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 17 สาขาได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลปิ่นเกล้า, เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่, เซ็นทรัลเชียงใหม่ แอร์พอร์ต, เซ็นทรัล อยุธยา, เซ็นทรัลบางนา, เซ็นทรัล พระราม 2, เซ็นทรัล วิลเลจ สุวรรณภูมิ, เซ็นทรัล เวสต์เกต, เซ็นทรัล อุดรธานี, เซ็นทรัล อีสต์วิลล์, เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ, เซ็นทรัล ศาลายา, เซ็นทรัล ลาดพร้าว, เซ็นทรัล โคราช, เซ็นทรัล พระราม 3 และ เซ็นทรัล พระราม 9 และพร้อมให้บริการอีก 20 สาขาทั่วประเทศเร็ว ๆ นี้

ร้านขายเสื้อเทศกาลตรุษจีนต้องทำใจ หลังยอดขายเสื้อหล่นฮวบ!

เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2566 บรรยากาศตามร้านค้าต่าง ๆ ที่บริเวณตลาดสนามหญ้า เขตเทศบาลเมือง จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นตลาดเก่าแก่เปิดการค้าขายมานานหลายสิบปีแล้ว มีทั้งการจำหน่ายอาหาร ขนมหวานอร่อย และร้านจำหน่ายเสื้อผ้ามากมาย ปีนี้มีพ่อค้า แม่ค้า ได้นำเสื้อผ้ามาแขวนจำหน่ายช่วงเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึงนี้ มีหลากสีสันให้เลือกทั้งสีแดง สีน้ำเงิน สีทอง ซึ่งเป็นสีมงคลที่คนไทยเชื้อสายจีนนิยมเลือกสวมใส่ เป็นมงคลแก่ตัวเองในเทศกาลตรุษจีน

จากการสอบถามพ่อค้า แม่ค้าหลายแห่งทราบว่าจากปัญหาสถานการณ์โควิด 19 ที่แพร่ระบาดไปนานนับปี ส่งผลกระทบให้การค้าขายเสื้อไม่ดีเท่าที่ควร แม้ช่วงปลายปีที่ผ่านมาจะเริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีแล้วก็ตาม และยาวต่อเนื่องมาจนถึงช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ ก็ยังไม่ได้รับความสนใจจากลูกค้าเท่าที่ควร

ร้านของเล่นโพธาราม ยอดขายพุ่ง 2 เท่า! รับวันเด็กปี 2566 หลังเว้นไปเพราะโควิด

ร้านขายของเล่นที่โพธาราม จังหวัดราชบุรี ยอดขายพุ่ง 2 เท่า เพราะโรงเรียน และหน่วยงานต่าง ๆ แห่ซื้อของขวัญแจกวันเด็ก หลังที่ผ่านมาโควิด-19 ระบาด ต้องงดไม่ได้จัดมา 2 ปี ขณะที่เด็ก ๆ ก็เฝ้ารอร่วม

วันที่ 13 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศ ร้านค้าปลีกและค้าส่งเครื่องใช้ภายในบ้าน และของเล่น พบว่ามีสถานศึกษาและหน่วยงานทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน รวมถึงประชาชนต่างเดินทางมาจับจ่ายซื้อสินค้า สำหรับเตรียมมอบเป็นของขวัญ เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ 14 ม.ค. 2566 ที่จะถึงนี้กันเป็นจำนวนมาก

นายอำนาจ ฉัตรวุฒิไกร เจ้าของร้านสำเพ็งโพธาราม อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี เปิดเผยว่า หลังสถานการณ์โควิด-19 ภายในประเทศเริ่มคลี่คลาย ประชาชนก็กลับมาจับจ่ายซื้อสินค้ากันมากขึ้น โดยเริ่มมาตั้งแต่ช่วงเทศกาลปีใหม่ยาวมาจนถึงวันเด็ก ทางร้านจึงเพิ่มจำนวนและรูปแบบของสินค้าเพิ่มขึ้นจากเดิม 2 เท่าตัว เพื่อให้มีความหลากหลายของสินค้าและเพียงพอต่อความต้องการ


© Copyright 2022, All rights reserved. Klang Time Thailand
Take Me Top