พปชร. ลุยอยุธยา ตอกย้ำนโยบายเข้าถึงคนทุกกลุ่ม ปชช. แห่ฟังนโยบายแน่น

 วันที่ 31 มีนาคม 2566  เวลา 17.30 น.นายสันติ พร้อมพัฒน์  เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ พร้อม ด้วยนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์  รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ  (พปชร.) ร่วมเวทีปราศรัย วัดลาดทราย อ.วังน้อย จ.อยุธยา  โดยมีนายพิตติพรรธน์ พรรณธนะ เขต 4  นายภูมินทร์ มงคล เขต 5 นายชณทัต ปัมะภูวดล เขต 3  แนะนำตัวให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยเสนอนโยบายที่มุ่งช่วยปากท้อง พี่น้องชาวอยุธยา โดยมีประชาชน มาร่วมฟังปราศัยกว่า 3,000 คน 

 

นายสันติ กล่าวว่า   ว่าที่ผู้สมัครทั้ง 3 เขต มีความตั้งใจที่จะเสนอตัวในการรับใช้พี่น้องประชาชนอย่างจริงใจและจริงจัง  และขอมั่นใจได้ว่า ทั้งสามคนเป็นพลังของพรรคพลังประชารัฐ เป็นพื้นที่ความหวัง และความตั้งใจของพรรค ที่ทุกคนจะสามารถได้รับการตอบรับจากประชาชน เลือกมาเป็นตัวแทนที่สามารถผลักดันนโยบายต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน   พร้อมกับนำความเจริญและเดินหน้าพัฒนาจังหวัด ทั้งในด้านการส่งเสริมอาชีพ สร้างความก้าวหน้าในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่องผ่านกลไกของพรรค และรัฐบาล 

 

 นอกจากบัตรสวัสดิการประชารัฐ ที่จะเพิ่มเงินเป็น 700 บาทต่อเดือน มีนโยบายบุตร ธิดา ประชารัฐ เพื่อส่งเสริมด้านสุขอนามัย และลดภาระการเลี้ยงดูบุตร ให้กับสตรีผู้เป็นเพศแม่ ซึ่งถือเป็นผู้สร้างคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ในการเพิ่มจำนวนประชากร เพราะมีส่วนสำคัญในการสร้างบุคลากรเพื่อการพัฒนาประเทศต่อไป แต่ต้องยอมรับประเทศประสบปัญหา ผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น ทำให้พรรค ออกนโยบายดูแลผู้สูงอายุ เพิ่มเงินเบี้ยสวัสดิการประชารัฐ 345  678 ที่พร้อมดูแลผู้สูงอายุ 60 ปี  ขึ้นไปได้ 3,000 บาท 70 ปี 4,000 บาท และ 80 ปีขึ้นไป 5,000 บาท

 

นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายที่จะสร้างแหล่งเงินให้เข้าถึงประชาชนได้มากยิ่งขึ้น ผ่านนโยบายการเงินการคลัง ซึ่งจะดำเนินการให้เป็นจริง  แต่ต้องอาศัยเสียงพี่น้องประชาชน มอบความไว้วางใจให้กับ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรีและว่าที่ผู้สมัครพปชร.เป็นรัฐบาล  เพื่อนำนโยบายต่างๆออกมาช่วยเหลือ  รวมถึงการแก้ไขระเบียบการปล่อยกู้ของสถาบันการเงิน โดยให้นำเงินฝากที่อยู่ในระบบ  19-20 ล้านล้านบาท  ต้องกำหนดให้แบ่งสัดส่วนการปล่อยกู้อย่างทั่วถึง แบ่งเป็นการจัดสรรเงินฝากในสัดส่วน  50% เพื่อนำมาปล่อยกู้ให้กับประชาชนทั้งคนชั้นกลาง ผู้มีรายได้น้อย โดยให้พี่น้องประชาชน ที่มีความต้องการวงเงินไม่เกิน ระดับ 100,000-500,000 บาท นำไปพัฒนาอาชีพ ไม่ใช่กระจุกไวปล่อยสินเชื่อเพียงระดับบนเพียงอย่างเดียว เพื่อให้ประชาชนทุกคนสามารถลืมตาอ้าปากได้  

 

นายชัยวุฒิ  กล่าวว่า  ดีใจ ที่เห็นพี่น้องชาวอยุธยา มารับฟังข้อมูลที่เป็นประโยชน์ จากพปชร.  เนื่องจากพรรคมีนโยบายออกมาจำนวนมาก ทำมาเพื่อประชาชน ซึ่งขณะนี้ได้สื่อสารผ่านรูปแบบต่างๆทั้งยูทูป วีดีโอ ซึ่งขณะนี้ประชาชนเข้าใจและรับรู้นโยบายดีๆ    ทั้งนโยบายบัตรสวัสดิการประชารัฐ เพิ่มเป็น 700 บาท  นโยบายดูแลผู้สูงอายุ และนโยบายมารดาประชารัฐ ซึ่งพรรค ดูแลได้ทุกกลุ่ม และทำได้ทันที  ซึ่งที่ผ่านมา พปชร.ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค ซึ่งเป็นผู้ประสานทุกฝ่าย และมีส่วนสำคัญทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ บริหารประเทศได้ 4 ปีเต็ม  ซึ่งพื้นที่ จ.อยุธยา ถือว่ามีเศรษฐกิจที่ดี ค้าขายขยายตัวเจริญรุ่งเรือง  ลูกหลานมีอาชีพ และเพื่อให้เกิดความมั่นคงในอาชีพ สำคัญอย่างยิ่ง คือความสงบสุข ที่จะนำมาซึ่งความเชื่อมั่น ให้กับทั้งคนไทยและต่างชาติเข้ามาลงทุน ในอยุธยาเพิ่มขึ้น  นำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นต่อไป เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับประชาชน 

 

แม้ว่าประชาชนบางส่วนยังประสบปัญหาความยากจน พปชร. ไม่เคยมองข้าม โดยที่ผ่านมาได้ร่วมผลักดันโครงสร้างพื้นฐาน การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม โดยเฉพาะพื้นที่อ. บางบาน ที่มีปัญหามาก ซึ่งพล.อ.ประวิตร ได้ผลักดันให้มีการขุดคลองระบายน้ำเพิ่มขึ้นอีก 1 สายเพื่อเร่งระบายน้ำไม่ให้เกิดการท่วมขัง 

 

การที่พรรคฝ่ายตรงข้ามพูดสิ่งไม่ดี  บอกว่า 8  ปี ไม่มีอะไรเลยอมรับว่า หลายคนยังมีความลำบาก แต่วันนี้โลกเปลี่ยนไป ในฐานะเป็นรัฐมนตรีกระทรวงดีอี ได้มีการส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงระบบอินเตอร์เน็ต และสามารถทำการค้าผ่าน ระบบสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ด้วยการขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ การนำระบบอินเตอร์เนตเพื่อสนับสนุนการค้าระบบใหม่  เพราะวันนี้เมืองไทยพัฒนาไปไกลมากแล้ว เพียงแค่ทุกคนสามารถใช้เครื่องมือสื่อสารผ่านระบบสมาร์ทโฟน ก็เข้าไปขายสินค้าสร้างรายได้รูปแบบใหม่ได้ และยังมีอีกหลายโครงการที่จะทำให้ พี่น้องประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด 

 

“หากพล.อ.ประวิตรได้เป็นนายก เพิ่มเงินเป็น 700 บาทแน่นอน  ต้องบอกว่า วันนี้มีสีเสื้อไม่มีอีกแล้ว  หาก บ้านเมืองยังมีปัญหา ทำให้ประชาชนเดือดร้อน  นักการเมือง ประชาชน ทะเลาะกัน  หากเลือกเรา พปชร.ก็จะได้พรรคการเมืองที่เข้มแข็ง ที่ได้เข้าไปจัดตั้งรัฐบาล พร้อมทำงานให้ประชาชน เพราะเราก้าวข้ามความขัดแย้ง  เราทำทุกนโยบายได้ทันที  การจัดตั้งรัฐบาลได้ ความขัดแย้งไม่เกิด เราต้องจับมือ  เลือกตั้งพรรคที่ดี ไม่ได้เลือกตั้งเพราะเปลี่ยนประเทศไทย เพราะประเทศไทยเป็นราชอาณาจักร เรายึดมั่นในสถาบันพระมหากษัตรย์ ต้องปกป้องรักษา ดังนั้นวันที่ 14 พ.ค.นี้ ขอให้พี่น้อง ประชาชน เลือกทั้งคนและพรรค เพื่อให้ พปชร.ได้เป็นรัฐบาล พร้อมดูแลพี่น้องประชาชน”