Sunday, 19 May 2024
ภาคกลางไทม์

ปตท. จัดงาน ‘Gas Grows Zerotopia 2022’ ส่งเสริมอุตฯ ไทย ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์

เมื่อวันที่ 25 - 26 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นเจ้าภาพจัดงานเสวนาวิชาการและนิทรรศการ Gas Grows Zerotopia 2022 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค โดยมี ม.ล. ปีกทอง ทองใหญ่ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ นางสุณี อารีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ระบบท่อจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ร่วมงาน เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจ พร้อมให้การสนับสนุนเกี่ยวกับการจัดการพลังงาน รวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้เครื่องจักรให้กับผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นการลดภาระต้นทุนในช่วงสถานการณ์ราคาพลังงานที่ผันผวน โดย ม.ล. ปีกทอง ได้ร่วมเสวนาในหัวข้อ ‘สถานการณ์พลังงานและแนวทางการนำไปสู่เป้าหมาย Net Zero’ 

ทั้งนี้ ปตท. ในฐานะประธานเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย (Thailand Carbon Neutral Network: TCNN) มุ่งหวังสร้างความร่วมมือกับภาคีต่าง ๆ ในการตระหนักและผลักดันทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมลดก๊าซเรือนกระจก พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อมุ่งไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

ปตท. มอบรางวัล การประกวดการพัฒนา - รณรงค์ใช้ ‘หญ้าแฝก’ เพื่อเป็นแบบอย่างการอนุรักษ์ดิน-น้ำอย่างยั่งยืน

ปตท. จัดพิธีมอบรางวัลการประกวดการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ครั้งที่ 12 ประจำปี 2563 - 2565

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลการประกวดการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ครั้งที่ 12 (ประจำปี 2563 - 2565) ภายใต้แนวคิด ‘รักษ์น้ำ ป่า ดิน ด้วยแฝกองค์ภูมินทร์ ฟื้นถิ่น ยั่งยืน’ ภายใต้ความร่วมมือขององค์กรร่วมจัด ได้แก่ มูลนิธิชัยพัฒนา สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) กรมพัฒนาที่ดิน และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อส่งเสริมการขยายผลการปลูกหญ้าแฝกให้เป็นแบบอย่างในการอนุรักษ์ดินและน้ำอย่างยั่งยืน

การจัดการประกวดครั้งนี้ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทานโล่รางวัลแก่ผู้ชนะเลิศการประกวด ส่วนผู้ที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศและรางวัลชมเชยได้รับโล่พร้อมรับเกียรติบัตรจากองค์กรร่วมจัด โดยมีผู้ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดทั้งสิ้น 58 ผลงาน ซึ่งแบ่งการประกวดออกเป็น 2 ประเภทผลงาน คือ 

รมว.เฮ้ง จัดงาน "ช้อปของที่ใช่...ให้คนที่ชอบ" เปิดตัว E–Catalog สร้างรายได้ให้แรงงานนอกระบบ

กรมการจัดหางาน เชิญประชาชนช้อปของขวัญปีใหม่ จัดงาน "ช้อปของที่ใช่...ให้คนที่ชอบ" แสดงสินค้ากลุ่มอาชีพอิสระที่กรมการจัดหางานสนับสนุน พร้อมเปิดตัว E–Catalog เพิ่มความสะดวก เลือกซื้อสินค้าแบบ New Normal

วันที่ 2 ธันวาคม 2565 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจ หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 กระตุ้นให้มีการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลปีใหม่ กระทรวงแรงงาน จึงชวนกลุ่มอาชีพอิสระที่กรมการจัดหางานสนับสนุน ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำมาจำหน่ายในช่วงเทศกาลปีใหม่ ร่วมออกบูทในงาน "ช้อปของที่ใช่...ให้คนที่ชอบ" โดยมีการจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาชีพจากกลุ่มอาชีพอิสระที่กรมการจัดหางานสนับสนุน (กลุ่มผู้รับงานไปทำที่บ้าน) ทั้งจากกรุงเทพมหานคร และจากจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ กลุ่มกระเป๋าดีมีสไตล์ กลุ่มหัตถกรรมทองลงหิน กลุ่มแม่บ้านชุมชนบ้านครัวตะวันตก งานปักเลื่อมลูกปัด ปักไหม กลุ่มกลึงไม้ตาล ผลิตเครื่องใช้ในครัวเรือนจากไม้ตาล กลุ่มสตรีอาสาบ้านพวน  ทอผ้ามัดหมี่ กลุ่มแปรรูปเส้นกกตำบลบางพลวง กลุ่มโอ่งผ้าไหมประดิษฐ์ และกลุ่ม khonlabai Craft กระเป๋าแฮนด์เมด เพื่อให้ประชาชนที่ต้องการเลือกซื้อของขวัญปีใหม่เป็นของฝากให้คนสำคัญ มาเลือกช้อป ณ ศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย Smart Job center กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน พร้อมเปิดตัว E – Catalog สำหรับเป็นช่องทางนำเสนอสินค้าของกลุ่มอาชีพอิสระในรูปแบบออนไลน์ โดยขณะนี้มีการรวบรวมสินค้าของกลุ่มฯ ไว้กว่า 63 กลุ่ม 45 จังหวัด มีผลิตภัณฑ์ 378 รายการ ให้ผู้ที่สนใจสินค้าสามารถเลือกชมสินค้าผ่านระบบออนไลน์ได้ทุกที่ ทุกเวลา

“สำหรับใครที่กำลังเตรียม “ช้อปของที่ใช่...ให้คนที่ชอบ” ในเทศกาลปีใหม่ ผมขอฝากสินค้าคุณภาพจากกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระ เพราะนอกจากมีสินค้าให้เลือกหลากหลายแล้ว ยังเป็นการอุดหนุนสินค้าท้องถิ่น ในประเทศไทย ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างโอกาสทางอาชีพ กระจายรายได้สู่แรงงานนอกระบบ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานกล่าว 

4 ธันวาคม ‘วันสิ่งแวดล้อมไทย’ รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวง ร.9 ที่ทรงมีพระราชดำรัสถึงสิ่งแวดล้อมไทย

วันที่ 4 ธันวาคม ของทุกปี เป็น ‘วันสิ่งแวดล้อมไทย’ กำหนดขึ้นเพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงมีพระราชดำรัสถึงสถานการณ์สิ่งแวดล้อมของประเทศไทย

วันที่ 4 ธันวาคม ของทุกปี เป็น ‘วันสิ่งแวดล้อมไทย’ กำหนดขึ้นเพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงมีพระราชดำรัสถึงสถานการณ์สิ่งแวดล้อมของประเทศไทยและสถานการณ์สิ่งแวดล้อมโลก เมื่อครั้งเสด็จออกให้คณะบุคคลต่าง ๆ เข้าเฝ้าถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลา ดุสิดาลัย พระตำหนัก จิตรลดารโหฐาน เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2532 เพื่อตรัสเตือนคนไทยให้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก โดยเฉพาะปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก และให้ถือว่าเป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องร่วมมือกันแก้ไข้ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้มีพระราชดำรัสใจความตอนหนึ่งว่า

“วันก่อนนี้เราพูดถึงปัญหาว่า เมืองไทยนี้อีกหน่อยจะแห้ง ไม่มีน้ำเหลือจะต้องไปซื้อน้ำจากต่างประเทศซึ่งก็อาจเป็นได้ แต่เชื่อว่าจะไม่เป็นอย่างนั้นเพราะว่าถ้าคำนวณดูน้ำในประเทศไทยที่ไหลเวียนนั้นยังมีอยู่ เพียงแต่ต้องบริหารให้ดี ถ้าบริหารให้ดีแล้ว มีเหลือเฟือ มีตัวเลขแล้ว แต่ว่ายังไม่ได้ไปแยกแยะตัวเลข เหมือนที่ได้แยกแยะตัวเลขของคาร์บอน น้ำนั้นน่ะ ในโลกมีมากแล้วที่ใช้จริงๆ มันเป็นเศษหนึ่งส่วนหมื่นของน้ำที่มีอยู่ อาจไม่ถึง ก็ต้องบริหารให้ดีเท่านั้นเอง เดี๋ยวนี้ก็มีปัญหาเกี่ยวกับน้ำ น้ำนี้จะต้องใช้ให้ดี คือ น้ำนั้นมีคุณอย่างที่เราใช้สำหรับบริโภค น้ำสำหรับการเกษตร น้ำสำหรับอุตสาหกรรมทั้งหมดนี้ต้องใช้น้ำที่ดี หมายความว่าน้ำที่สะอาด”

“น้ำมีมากในโลก เป็นน้ำทะเลส่วนใหญ่ซึ่งจะใช้อย่างนี้ไม่ได้แล้ว นอกจากนั้นเดี๋ยวนี้ที่กำลังมีมากขึ้นก็คือ น้ำเน่า จะต้องป้องกันไม่ให้มีน้ำเน่า น้ำเน่าจะมีอยู่เสมอ แต่อย่าให้น้ำเน่านั้นเป็นโทษมากเกินไป ฉะนั้น นี่เป็นอีกโครงการหนึ่งที่เราจะต้องปฏิบัติ แล้วก็ถ้าไม่จัดการโดยเร็วเราจะนอนอยู่ในน้ำเน่า น้ำดีจะไม่มีใช้แม้จะไปซื้อน้ำจากต่างประเทศมา ก็กลายเป็นน้ำเน่าหมด เพราะว่าเอามาใช้โดยไม่ได้ระมัดระวัง”

“ถ้าเรามีน้ำแล้วมาใช้อย่างระมัดระวังข้อหนึ่ง และควบคุมน้ำที่เสียอย่างดีอีกข้อหนึ่ง ก็อยู่ได้ เพราะว่าภูมิประเทศของประเทศไทย ‘ยังให้’ ใช้คำว่า ‘ยังให้’ ก็หมายความว่า ยังเหมาะแก่การอยู่กินในประเทศนี้ ไม่ใช่ไม่เหมาะ ประเทศไทยนี้เป็นที่ที่เหมาะมากในการตั้งถิ่นฐาน แต่ว่าต้องรักษาเอาไว้ไม่ทำให้ประเทศไทยซึ่งเป็นสวนเป็นนากลายเป็นทะเลทรายก็ป้องกันได้ ทำได้”

5 ธันวาคม วันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ

5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และภายหลังการเสด็จสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 สำนักนายกรัฐมนตรีได้ออกประกาศ เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เรื่อง กำหนดวันสำคัญของชาติไทย มีใจความสำคัญให้วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันสำคัญของชาติไทย ดังนี้ 

1. เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 

2. เป็นวันชาติ 

3. เป็นวันพ่อแห่งชาติ

โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป 

6 ธันวาคม ‘วันริบบิ้นขาว’ สัญลักษณ์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก และสตรี รำลึกถึงเหตุฆาตกรรมหญิง 14 ราย ที่แคนาดา

ทุกวันที่ 6 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันริบบิ้นขาว (White Ribbon Day) หรือที่รู้จักกันในชื่อ วันชาติแห่งการรำลึกและยุติความรุนแรงต่อสตรี (National Day of Remembrance and Action on Violence against Women) ของแคนาดา

ทุกวันที่ 6 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันริบบิ้นขาว (White Ribbon Day) หรือที่รู้จักกันในชื่อ วันชาติแห่งการรำลึกและยุติความรุนแรงต่อสตรี (National Day of Remembrance and Action on Violence against Women) ซึ่งเป็นวันสำคัญของประเทศแคนาดา โดยเริ่มต้นขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2534 เพื่อเป็นการรำลังถึงเหตุฆาตกรรมที่วิทยาลัยสารพัดช่าง ในเมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2532 ซึ่งในเหตุการณ์ครั้งนี้มีผู้เสียชีวิต 14 รายและเป็นเพศหญิงทั้งหมด ซึ่งหลังจากที่เหตุการณ์ยุติลงคนร้ายได้ออกมาประกาศตัวว่าต่อต้านสิทธิสตรี

ประมวลภาพบรรยายกาศวันพ่อแห่งชาติ ประจำปี 2565

ปทุมธานี ปั่นจักรยานเทิดพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9
เมื่อช่วงเช้าวันที่ 5 ธันวาคม 2565 ที่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี นายคิว อรุโณรส นายกสมาคมกีฬาจักรยานปทุมธานี (ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยคมนาคม) พร้อมคณะกรรมการสมาคมกีฬาจักรยานปทุมธานี ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม ปั่นจักรยานเทิดพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่9 โดยมีนางวิพร แววศรีผ่อง นายอำเภอสามโคก เป็นประธานในพิธี

นายชัยวัฒน์ หมู่เย็น นายกเทศมนตรีตำบลบางเตย ร่วมปล่อยขบวนนักปั่นจักรยานจำนวน 300 คัน เริ่มจุดสตาร์ท ที่หน้าว่าการอำเภอสามโคก จากนั้นปั่นไปที่ ตลาดโรงเกลือท้ายเกาะ วัดท่าซุงทักษิณาราม จ.พระนครศรีอยุธยา วัดท้ายเกาะใหญ่ วัดโบสถ์ (สามโคก) และกลับมายังที่ว่าการอำเภอสามโคก รวมระยะทาง 39 กม. ซึ่งมีกลุ่มชมรมนักปั่นจักรยานต่างๆในจังหวัดปทุมธานีและพื้นที่ใกล้เคียง พร้อมประชาชน นำรถจักรยานมาร่วมในงานดังกล่าว

สระบุรี จัดกิจกรรมจิตอาสา เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2565
วันที่ (5 ธันวาคม 2565) เวลา 10.00 น. บริเวณวัดชัยเฉลิมมิตร ตำบลคชสิทธิ์ อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี นางอังคณา ชิตะติตติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เป็นประธานเปิดกิจกรรมพัฒนา ปรับปรุงภูมิทัศน์ทำความสะอาดชุมชนริมแม่น้ำ/คู/คลอง เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) เพื่อถวายพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติและวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2565 โดยหัวหน้าส่วนราชการ ประชาชนจิตอาสา นักเรียน นักศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรม เพื่อร่วมกันแสดงออกถึงความจงรักภักดีและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้

สำหรับกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การทำความสะอาดบริเวณวัด การนำเยาวชนจัดทำถังขยะเปียกลดมลพิษเพื่อขยายผลไปยังครอบครัว ชุมชน หมู่บ้านปลูกต้นไม้สร้างความร่มรื่น ร่วมกันปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำถวายเป็นพระกุศล ทำความสะอาดทาสี อาคาร สะพาน และปลูกต้นไม้เนื่องในวันดินโลกอีกด้วย

อดีตนายกฯ ชวลิต มอบสิ่งของเพื่อผู้ประสบภัยและผู้ยากไร้ในกรุงเทพฯ

(6 ธ.ค. 64) เวลา 13.00 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รับมอบสิ่งของอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย น้ำดื่ม 100 แพ็ก บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 50 ลัง และข้าวสาร 200 ถุง จากมูลนิธิสยามศิวิไลซ์ นำโดย พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 22 ในฐานะประธานมูลนิธิฯ พร้อมด้วย นางอรทัย สรการ ยงใจยุทธ รองประธานมูลนิธิฯ และคณะ ณ ห้องอมรพิมาน ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เขตพระนคร

ตำรวจปคบ.-อย.ลุยจับ 8 คลินิกเถื่อน ลักลอบเปิดเสริมความงาม ฉีดฟิลเลอร์ หรือโบท๊อกซ์ เตือนระวังอย่าเห็นกับของถูก อาจถึงตายได้

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 6 ธ.ค. พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ.พ.ต.อ. ธรากร เลิศพรเจริญ รองผบก.ปคบ. พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคบ.พร้อมด้วย นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ภญ.อรัญญา เทพพิทักษ์ ผอ.ศูนย์จัดการเรื่องร้องเรียนและปราบปรามการกระทาผิดกฎหมายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ (ศรป.) ร่วมกันแถลงผลกวาดล้างจับกุมคลินิกเสริมความงามเถื่อน 8 แห่งในพื้นที่ กรุงเทพฯ,ชลบุรี, สมุทรสงคราม และปทุมธานี

จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาไว้ได้ 8 ราย คือน.ส.ธนัศร ชัยสมศรี อายุ 24 ปี น.ส.ศรีษุณี  ปัญญาวัฒน์ อายุ 36 ปี น.ส.ณปาภัทร ชิณะวิ อายุ 39 ปี นายจิรัฏฐ์ ลาภะนาวิน อายุ 23 ปี น.ส.ศศิพัชร์ ตะสิงห์ อายุ 36 ปี นายกรกรต หมวกไสว อายุ 54 ปี น.ส.บุญพา ผาสุข อายุ 48 ปี และ น.ส.อังคนาง อินทวี อายุ 26 ปี

พ.ต.อ.เนติ เปิดเผยว่า ก่อนหน้าได้รับเรื่องร้องเรียนจาก อย.และ สบส. ให้สืบสวนกรณีมีบุคคลแอบอ้างตัวเป็นแพทย์หลอกเสริมความงามให้ประชาชนหลายพื้นที่ ผู้ให้บริการไม่ใช่แพทย์จริง ๆ บางรายก็ใช้การศึกษาวิธีการฉีดเสริมความงามด้วยตนเองจากทาง YouTube และสั่งยาต่าง ๆ จากช่องทางออนไลน์ ก่อนมาทดลองฉีดหน้าตนเอง ก่อนจะมาทำให้กับลูกค้า

‘บิ๊กตู่’ ชื่นชมเยาวชนเห็นคุณค่าความสำคัญของภาษาไทย ส่งผลงานประกวดแต่งบทเพลงและการแสดงพื้นบ้าน “ฉ่อย” ย้ำขอให้อนุรักษ์และพัฒนาศิลปวัฒนธรรมเพลงพื้นบ้าน เอกลักษณ์ของชาติไทยให้คงอยู่ต่อไป

เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 6 ธ.ค.ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลการประกวดแต่งบทเพลงและการแสดงพื้นบ้าน “ฉ่อย” ภายใต้แนวคิด “ภาษาจรรโลงใจ” พร้อมทั้งมอบโล่รางวัลและใบประกาศเกียรติคุณและกล่าวให้โอวาท  ซึ่งนายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นำผู้ชนะรางวัลเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีเพื่อรับโล่รางวัล โดยมีนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมในพิธี

ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี รายงานว่า สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยสำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติได้ดำเนินโครงการรักษ์ภาษาไทย สานคุณค่าและความสำคัญแห่งความเป็นไทย เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2565 โดยจัดให้มีกิจกรรมการประกวดแต่งบทเพลงและการแสดงพื้นบ้าน “ฉ่อย” ภายใต้แนวความคิด “ภาษาจรรโลงใจ” เพื่อกระตุ้นและปลุกจิตสำนึกของคนไทยทั้งชาติ ให้ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของภาษาไทย ตลอดจนนำไปสู่การร่วมมือร่วมใจทำนุบำรุง ส่งเสริม และอนุรักษ์ภาษาไทย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์และเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติไทยให้คงอยู่ตลอดไป อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียน นิสิตและนักศึกษาได้มีส่วนร่วมในการแสดงออกทางทักษะการใช้ภาษาไทยที่ถูกต้อง งดงาม โดยสร้างสรรค์ออกมาในเชิงศิลปะ รวมทั้งเป็นการอนุรักษ์และพัฒนาศิลปวัฒนธรรมเพลงพื้นบ้านอันเป็นเอกลักษณ์ของชาติไทยให้คงอยู่ต่อไป


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. Klang Time Thailand
Take Me Top