Thursday, 2 May 2024
NEWSFEED

จังหวัดพระนครศรีอยุธยาร่วมกับเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา วัดศาลาปูนวรวิหาร และพสกนิกรช ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิตภาวนา ถวายพระพรแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ให้ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว

เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2565 เวลา 16.00 น. ที่วัดวัดศาลาปูนวรวิหาร อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยว่าที่ร้อยตรีสมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิตภาวนา ถวายพระพรแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ให้ทรงหายจากพระอาการประชวร และทรงมีพระพลนามัยแข็งแรงโดยเร็ววัน

โดยมีหัวหน้าส่วนราชการพลเรือน, ศาล, ทหาร, ตำรวจ, นายกเหล่ากาชาดจังหวัด, รองผู้ว่าราชการจังหวัด, คณะผู้บริหาร, สมาชิกสภาเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา และเหล่าพสกนิกร และมีพระครูอนุกูลศาสนกิจ เจ้าคณะอำเภอพระนครศรีอยุธยา เจ้าอาวาสวัดศาลาปูนวรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์นำพระสงฆ์ในเขตปกครอง จำนวน 45 รูป ร่วมเจริญพระพุทธมนต์ โดยนายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำทุกภาคส่วนร่วมลงนามถวายพระพร จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดร่วมปล่อยลงคูเมือง จำนวน 45 ตัว

ด่วน!! พบแล้ว 1 นาย หลัง ทร.ปูพรหมค้นหา 30 ทหารเรือ สูญหาย จากเรือหลวงสุโขทัยอับปาง ลอยคอกลางทะเล สภาพอิดโรย เหลือ 29 นาย ยังเดินหน้าค้นหาต่อไป

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 20 ธ.ค.2565 พล.ร.อ.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการค้นหากำลังพล จำนวน 30 นาย สูญหายกรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปาง ซึ่งมีสาเหตุจากคลื่นลมแรง ว่า วันนี้ตลอดวัน กองทัพเรือได้จัดเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช เรือหลวงอ่างทอง เรือหลวงกระบุรี เรือหลวงนเรศวร และเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเลแบบดอร์เนีย 2 เครื่อง เฮลิคอปเตอร์ค้นหาผู้ประสบภัย 2 เครื่อง UAV 1 เครื่อง ร่วมกับเครื่องบินกองทัพอากาศ จำนวน 1 เครื่อง และเฮลิคอปเตอร์จำนวน 1 เครื่อง ในการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัย

โดยขยายพื้นที่ค้นหาเพิ่มเติมจากเมื่อวานนี้ โดยมุ่งเน้นพื้นที่ชายฝั่ง ซึ่งได้มีการคำนวณจากทิศทางของกระแสน้ำและกระแสลม รวมทั้งบริเวณที่ตรวจพบและช่วยเหลือกำลังพลเรือหลวงสุโขทัยล่าสุด นำมาพิจารณาพื้นที่ที่คาดว่ากำลังพลที่เหลือจะอยู่ตรงบริเวณดังกล่าว

'พุทธิพงษ์-นุสบา' ร่วมลงนามถวายพระพร 'เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ' ทรงหายจากพระอาการประชวร

(19 ธ.ค.65) นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมด้วยนางนุสบา ปุณณกันต์ ภริยา ร่วมลงนามถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ขอให้ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ววัน ณ ชั้น 1 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ถนนพระรามที่ 4 เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระราชกระแส ซาบซึ้งพระราชหฤทัยและทรงขอบใจ ทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ ถวายการรักษา ‘เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ’

(19 ธ.ค.65) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์รูปภาพหนังสือจากหน่วยราชการในพระองค์ 904 และข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีเนื้อหาดังนี้

"พิธีเข้ารับพระราชทานของที่ระลึกที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานแก่บุคลากรในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่ได้ถวายการรักษา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ในช่วงที่ประทับที่โรงพยาบาลปากช่องนานา นับเป็นสิริมงคลและเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขทุกคนขอน้อมตั้งจิตอธิษฐานให้พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ทรงหายจากพระอาการประชวร และกลับมามีพระพลานามัยแข็งแรงโดยเร็วที่สุด"

รัฐบาล ย้ำเตือน ปชช. ยังควรสวมหน้ากากอนามัย ป้องกันฝุ่น PM 2.5 แม้อากาศอยู่ในเกณฑ์ดี

วันที่ 19 ธ.ค.น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรมควบคุมมลพิษ รายงานถึงสถานการณ์คุณภาพอากาศในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ในระยะนี้อยู่ในเกณฑ์ดีถึงดีมาก ซึ่งรวมถึงกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่ปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 ได้ลดลงไม่เกินค่ามาตรฐาน เนื่องด้วยอัตราการระบายอากาศที่ดี ประกอบกับมีลมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงเข้าช่วย

โดยเตือนให้ประชาชนในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเฝ้าระวังสถานการณ์ PM 2.5 เนื่องจากขณะนี้กรมอุตุนิยมวิทยา ยังคงพยากรณ์สภาพอากาศที่ความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงปกคลุมประเทศไทย บางช่วงเวลาที่อากาศนิ่งไม่มีลมจะทำให้ปริมาณฝุ่นละอองสูงขึ้น โดยต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ฝุ่นละอองที่จะกลับมาเพิ่มอีกครั้งตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 23 ธ.ค. 65 เป็นต้นไป

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ในช่วงสภาพอากาศยังคงเปลี่ยนแปลงนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้เตือนประชาชนให้ดูแลแลสุขภาพจากทั้งสภาพอากาศหนาวและภาวะฝุ่น PM 2.5 โดยมีกลุ่มเสี่ยงที่ต้องดูแลเป็นพิเศษคือ เด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ หอบหืด เป็นต้น

ไทม์ไลน์ รล.สุโขทัยล่ม เร่งช่วยเหลือค้นหากำลังพล โดยกำลังพลชุดแรก 43คน เข้าถึงท่าเทียบเรือน้ำลึกบางสะพานแล้ว

เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 19 ธ.ค.2565 ความคืบหน้าการช่วยเหลือกำลังพล เรือหลวงสุโขทัย หลังจากจมลงแล้ว โดยกองทัพเรือ จัดส่งเรือหลวงกระบุรี เรือหลวงภูมิพล เรือหลวงอ่างทอง รวมทั้งฮ.ซีฮอล์คอเข้าไปช่วยเหลือ เบื้องต้นสามารถช่วยกำลังพลที่ลอยคออยู่ในทะเลขึ้นเรือหลวงสุโขทัยมาได้ 43 คน และนำกำลังพลที่ช่วยขึ้นมาได้เดินทางเข้ามาขึ้นที่ท่าเรือน้ำลึก อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์

โดยมีการเตรียมพร้อม รถพยาบาล และรถของมูลนิธิ ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวมกว่า 30 คัน พร้อมเจ้าหน้าที่ ฝ่ายปกครองอำเภอบางสะพาน ป้องกันบรรเทาสาธารณภัยเขต 4 ป้องกันบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดประจวบฯ แพทย์ พยาบาล

โดยมี พล.ร.ท.พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาค 1 มาบัญชาการเหตุการณ์ รวมทั้งนาวาเอกเรืองฤทธิ์ แสงแก้ว รอง.ผอ.ศรชล จ.ประจวบฯ นายอำเภอบางสะพาน ตลอดจนหน่วยงานเกี่ยวข้อง ทันทีที่เรือหลวงสุโขทัยเข้าเที่ยบท่าเรือน้ำลึก บางสะพาน เจ้าหน้าที่ได้ทำการเคลื่อนย้าย กำลังพลทั้งหมดลงจากเรือหลวงกระบุรี ขึ้นรถพยาบาลไปที่โรงพยาบาลบางสะพาน และศูนย์พักพิงอุ่นไอรัก บางสะพานที่เตรียมไว้แล้ว

เบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บที่เป็นสีแดง 4 ราย ทั้งขาหัก และเสียเลือดมาก และบาดเจ็บเล็กน้อยสีเหลือง โดยในชุดแรกมีกำลังพลบาดเจ็บรวม 43 ราย นำส่งโรงพยาบาลต่าง ๆ ในพื้นที่เพื่อทำการตรวจรักษาต่อไป

กองทัพเรือ ชี้แจง กรณีเรือหลวงสุโขทัย มีอาการเอียง ล่าสุดจมทะเลแล้ว

กองทัพเรือ ชี้แจงกรณีเรือหลวงสุโขทัย ตัวเรือมีอาการเอียงจากคลื่นลมแรง สาเหตุจากเครื่องไฟฟ้าดับ พร้อมทั้งได้สั่งการให้หน่วยต่าง ๆ ของกองทัพเรือ และประสานหน่วยงานภายนอก เร่งให้การช่วยเหลือเป็นการด่วน

พลเรือเอก ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ ชี้แจงกรณีเรือหลวงสุโขทัยมีอาการเอียง ตามที่ปรากฎข้อมูลข่าวสารในสื่อสังคมออนไลน์นั้น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะเรือหลวงสุโขทัยกำลังลาดตระเวนอยู่บริเวณแบริ่ง 090 ระยะ 20 ไมล์ จากท่าเรืออำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ประสบเหตุเรือมีอาการเอียงเนื่องจากขณะนั้นบริเวณดังกล่าวมีคลื่นลมแรง จนทำให้มีน้ำทะเลบางส่วนไหลเข้าระบบเครื่องไฟฟ้าผ่านท่อไอเสียข้างเรือ จนทำให้เครื่องไฟฟ้าดับ และส่งผลต่อเครื่องจักรใหญ่หยุดทำงานเป็นเหตุให้เรือไม่สามารถควบคุมเรือได้ และทำให้น้ำเข้าภายในตัวเรืออย่างรวดเร็วจนทำให้เรือเอียงในเวลาต่อมา

ทั้งนี้ เมื่อกองทัพเรือ ได้รับแจ้งเหตุดังกล่าว จึงได้สั่งการให้เรือรบและอากาศยานของ กองทัพเรือ ประกอบด้วย เรือหลวงอ่างทอง เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช เรือหลวงกระบุรี เฮลิคอปเตอร์ จำนวน 2 ลำ พร้อมชุดป้องกันความเสียหายและกู้ภัยเรือ เร่งให้ความช่วยเหลือเป็นการด่วน

นอกจากนี้ ได้ประสานหน่วยภายนอกเข้าร่วมให้การช่วยเหลือ ปัจจุบันเรือหลวงกระบุรีได้เดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุแล้ว อยู่ระหว่างเร่งให้การช่วยเหลือกำลังพลของเรือหลวงสุโขทัยเป็นอันดับแรก สำหรับเรือหลวงสุโขทัย ยังคงมีอาการเอียง แต่สามารถผนึกน้ำได้แล้ว ปริมาณน้ำภายในตัวเรือ มีปริมาณคงที่

ทั้งนี้ กองทัพเรือ จะดำเนินการช่วยเหลือกำลังพลและกู้ภัยเรือหลวงสุโขทัย โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของกำลังพลเป็นสำคัญ สำหรับรายละเอียดการปฏิบัติเพิ่มเติม จะแจ้งให้ทราบ ในโอกาสต่อไป

คนไทยช้ำ!! ค่าไฟแพงต้อนรับปีใหม่ ก้าวไกล จี้ รัฐต้องเร่งแก้ไข

วันที่ 16 ธันวาคม 2565 ที่รัฐสภา วรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงข่าวกรณีค่าไฟแพง หลังจากรัฐบาลมีมติขึ้นค่าไฟ โดยให้คงค่าไฟเฉพาะครัวเรือนที่ใช้ไฟไม่เกิน 500 หน่วย/เดือน ส่วนผู้ใช้ไฟกลุ่มอื่นรวมถึงประชาชนที่ใช้ไฟเกิน 500 หน่วย/เดือน จะต้องเจอค่าไฟที่แพงขึ้น 1 บาท/หน่วย จากเดิม 4.72 บาท/หน่วย เพิ่มเป็น 5.7 บาท/หน่วย เริ่มต้นเดือนมกราคม 2566 เป็นต้นไป

วรภพ กล่าวว่า ของขวัญปีใหม่ของคนไทยไม่ควรเป็นค่าไฟที่แพงขึ้น ตนเคยท้วงติงรัฐบาลหลายครั้ง ว่าต้นตอเรื่องนี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข โดยมี 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ ประเด็นที่หนึ่ง มีโรงไฟฟ้ามากเกินความจำเป็น เพราะรัฐบาลอนุญาตให้เอกชนสร้างโรงไฟฟ้ามากเกินไป ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟให้กลุ่มทุนเหล่านี้ผ่านการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) 2,400 ล้านบาท/เดือน ดังนั้น รัฐบาลควรเร่งเจรจากับเอกชน ให้ลดค่าความพร้อมจ่าย (Availability Payment) โดยอาจแลกกับการขยายสัญญาออกไป ทำให้ในอนาคตไม่จำเป็นต้องสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ ถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาลโดยตรงในการเจรจาเพื่อลดค่าครองชีพของประชาชน

วรภพกล่าวว่า ประเด็นที่สอง คือการเปลี่ยนนโยบายก๊าซธรรมชาติ เพราะปัจจุบันรัฐบาลอนุญาตให้กลุ่มทุนพลังงานเอาก๊าซราคาถูกไปขายเป็นกำไรของกลุ่มทุนตัวเอง โดยก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย หากแปลงเป็นค่าไฟฟ้า มีต้นทุนเพียง 2 บาท/หน่วย และปัจจุบันมีการผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย 2,600 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน ซึ่งเพียงพอสำหรับการผลิตไฟฟ้าใช้ในประเทศ แต่รัฐบาลกลับอนุญาตให้กลุ่มทุน ปตท. นำก๊าซธรรมชาติที่มีราคาถูกนี้ ไปขายให้อุตสาหกรรมเป็นเชื้อเพลิงและขายให้กับอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในเครือก่อนถูกนำมาใช้เป็นพลังงานให้ประชาชน

ลมหนาวมาแล้วนะ! นายกฯ ห่วง ปชช. แนะดูแลสุขภาพ เตรียมรับมืออากาศหนาว 17-20 ธ.ค.

เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ห่วงใยพี่น้องประชาชนในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง ซึ่งหลายพื้นที่มีอากาศหนาวเย็นอุณหภูมิลดลง หลังกรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศ ระบุว่า ในช่วงวันที่ 17-20 ธ.ค.นี้ บริเวณความกดอากาศสูง หรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงอีกระลอกจากประเทศจีน จะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาว และอุณหภูมิจะลดลงกับมีลมแรง โดยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 6-8 องศาเซลเซียส บริเวณพื้นราบอุณหภูมิต่ำสุด 10-18 องศาเซลเซียส

ส่วนบริเวณยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 2-10 องศาเซลเซียส สำหรับภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 15-21 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนในบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย

เคาะขึ้นค่าไฟภาคเอกชน ส่วนครัวเรือนยังตรึงไว้ 4.72 บาทต่อหน่วย

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกพ. เห็นชอบการคำนวณค่า Ft ประจำเดือนมกราคม – เมษายน 2566 โดยคิดค่าไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่อัตรา 93.43 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้เมื่อรวมค่าไฟฟ้าฐาน ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยอยู่ในระดับเท่าเดิมที่อัตรา 4.72 บาทต่อหน่วย

ส่วนผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่น คิดที่อัตรา 190.44 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งจะมีค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่อัตรา 5.69 บาทต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 21%


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. Klang Time Thailand
Take Me Top