เผยพื้นที่ราชพัสดุบริเวณผืนป่าศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี สุดอุดมสมบูรณ์ หลังพบเสือโคร่งอินโดจีน เสือลายเมฆ และฝูงกระทิง โผล่หากิน เตรียมประกาศเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าศรีสวัสดิ์ อย่างเป็นทางการ
เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 66 เวลา 15.30 น. นายประวุธ เปรมปรีดิ์ หัวหน้าหน่วยควบคุมพื้นที่เตรียมการประกาศเขตห้ามล่าสัตว์ป่าศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า พื้นที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียน ที่ กจ.209 ที่อยู่ในความปกครอง ดูแล และใช้ประโยชน์ของกองพลทหารราบที่ 9 กองทัพบก โดยกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลังเป็นเจ้าของที่มีสภาพเป็นภูเขาสูงชัน สลับซับซ้อน และมีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ในพื้นที่อำเภอศรีสวัสดิ์ และอำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี มีความเหมาะสมที่จะประกาศเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเป็นอย่างยิ่ง โดยที่การประกาศเขตห้ามล่าสัตว์ป่านั้น ไม่กระทบต่อสถานะภาพของสถานะที่ดินเดิม ซึ่งผู้ดูแลและใช้ประโยชน์ในที่ดินยังคงมีอำนาจ หน้าที่เช่นเดิม เป็นมาตรการเพิ่มความผิด มีบทลงโทษที่หนักขึ้นกว่าสถานะของที่ดินเดิม
อีกทั้งจะเป็นการเพิ่มเติมเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงเข้ามาช่วยดูแลรักษาป่าไม้ สัตว์ป่า และทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ เป็นการแบ่งเบาภาระหน้าที่ของฝ่ายทหาร พื้นที่บริเวณดังกล่าวมีเนื้อที่รวมประมาณ 219,000 ไร่ แบ่งเป็น
1.) พื้นที่เตรียมการประกาศเขตห้ามล่าสัตว์ป่าศรีสวัสดิ์ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ เชื่อมกับอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ดังนั้น ถือเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องเชื่อมพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นทางเดินของสัตว์ป่า ซึ่งจะกระจายตัวจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร-ห้วยขาแข้ง ลงมายังทางใต้ของผืนป่าตะวันตก ในบริเวณพื้นที่เตรียมการประกาศเขตห้ามล่าสัตว์ป่าศรีสวัสดิ์
2.) พื้นที่ส่วนขยายพื้นที่เตรียมการประกาศเขตห้ามล่าสัตว์ป่าศรีสวัสดิ์ เดิมพื้นที่ดังกล่าวจะถูกประกาศให้เป็นส่วนขยายของอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ แต่กองทัพบกไม่ยินยอมให้ใช้พื้นที่ และบริเวณนี้พื้นที่ราชพัสดุถูกทับซ้อนด้วยป่าสงวนแห่งชาติป่าโรงงานกระดาษไทยแปลงหก กรมป่าไม้
3.) พื้นที่เตรียมการประกาศเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาสลอบ พื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียน ที่ กจ.209 ประชิดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ซึ่งกองทัพบกใช้ในการฝึกภาคสนาม และมีการลาดตระเวน ตรวจพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ แต่การลาดตระเวนดังกล่าวไม่ครอบคลุมการคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ โดยเฉพาะทรัพยากรสัตว์ป่า หากพื้นที่บริเวณนี้ได้รับการประกาศเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าจะเป็นพื้นที่กันชนให้กับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่อย่างชุกชุมได้เป็นอย่างดี
พื้นที่ทั้ง 3 แห่ง อยู่ประชิดกับพื้นที่ป่าอนุรักษ์โดยรอบ จึงมีทรัพยากรสัตว์ป่าอพยพเคลื่อนย้าย และอาศัยอยู่อย่างชุกชุม หากประกาศเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่า จะมีพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 บังคับใช้ ในการคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะสัตว์ป่าที่หายาก ใกล้สูญพันธุ์ และป่าต้นน้ำลำธาร