Friday, 29 March 2024
NEWS

กลุ่ม ปตท. เปิดงาน PTT Group Tech & Innovation Day 'Beyond Tomorrow' โชว์สุดยอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมนำอนาคต

เมื่อวานนี้ (1 มี.ค.66) นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมเป็นประธานและกล่าวปาฐกถาพิเศษด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ในพิธีเปิดงาน PTT Group Tech & Innovation Day ที่จัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘Beyond Tomorrow: นวัตกรรม นำอนาคต’ โดยมี ศ.พิเศษ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงจากกลุ่ม ปตท. หน่วยงานพันธมิตรภาครัฐ และเอกชนชั้นนำร่วมในพิธี ณ ปตท. สำนักงานใหญ่ ถ.วิภาวดีรังสิต

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า PTT Group Tech & Innovation Day ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 ก.พ. - 3 มี.ค. 66  เป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญเพื่อแสดงศักยภาพด้านเทคโนโลยี และการลงทุนด้านนวัตกรรมของกลุ่ม ปตท. ตลอดจนสร้างการรับรู้ทิศทางของเทคโนโลยีในอนาคต และหาโอกาสต่อยอดความร่วมมือทางธุรกิจใหม่ทั้งจากภายในกลุ่ม ปตท. และหน่วยงานภายนอก พร้อมทั้งผลักดันการสร้างนวัตกรรมด้านพลังงานและเทคโนโลยีต่าง ๆ ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero Emissions ภายในงานมีกิจกรรมที่น่าสนใจ ประกอบด้วย 

1.นิทรรศการ แสดงผลงานทางด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม และธุรกิจใหม่จาก กลุ่ม ปตท. ใน 7 ด้าน ประกอบด้วย Future Energy, Future Mobility, Life Science, AI, Robotics & Digitalization, Logistics & Infrastructure, Decarbonization และ Innovation Ecosystem ที่มีส่วนในการช่วยสร้างสรรค์และยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนในสังคม อาทิ การดูแลสิ่งแวดล้อมจากพลังงานสะอาด ยานยนต์ไฟฟ้า สุขภาพและการแพทย์จากวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต สิ่งอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวันของภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรมจากระบบการขนส่ง โครงสร้างพื้นฐาน หุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติและปัญญาประดิษฐ์ที่มีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คนในยุคปัจจุบัน 

2.Tech Talk เวทีแลกเปลี่ยนแนวคิด และเทรนด์เทคโนโลยี นวัตกรรมที่น่าจับตาจากภาครัฐที่ขับเคลื่อนนโยบายและผู้นำด้านนวัตกรรมกว่า 23 หัวข้อ 

และ 3.Pitching Desk พื้นที่นำเสนอนวัตกรรมและธุรกิจใหม่ของกลุ่ม ปตท. กว่า 30 แบรนด์ ที่พร้อมให้นักลงทุนและผู้สนใจได้ร่วมพูดคุย ต่อยอดและขยายโอกาสการเติบโตสู่ธุรกิจที่ไกลกว่าพลังงานไปด้วยกัน ตลอดจนจะได้พบกับสินค้านวัตกรรมที่พร้อมให้ช้อป ชิมจากกลุ่ม ปตท. อาทิ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจาก Innobic, น้ำเชื่อมหญ้าหวาน Natural Nxt, อาหารโปรตีนจากพืช NRPT, ไอศกรีมกะทิสดแท้ Kathisod Station และผลิตภัณฑ์รักษ์โลกจาก MORE 

“กลุ่ม ปตท. มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ตลอดจนเดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ เพื่อเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตเป็นที่ยอมรับทั้งในภูมิภาคอาเซียนและเวทีโลก พร้อมขับเคลื่อนทุกชีวิตด้วยพลังแห่งอนาคตได้ต่อไป” นายอรรถพลกล่าวเสริม

 

พล.อ.ประวิตร ขอบคุณ สทนช. และหน่วยงานที่รับผิดชอบ 10 มาตรการฤดูแล้ง

พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องประชุม มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

 

ที่ประชุมได้รับทราบ ผลการดำเนินงานโครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัย ระยะเร่งด่วนในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาใหญ่ จากเหตุการณ์อุทกภัยในลุ่มน้ำเจ้าพระยาปี65 ส่งผลให้มีพื้นที่ประสบอุทกภัย ราว 2.8 ล้านไร่ ใน 16 จังหวัด ภาคกลาง ซึ่ง สทนช.ได้เสนอโครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัย ระยะเร่งด่วนในพื้นที่เจ้าพระยาใหญ่ และขอรับการสนุนงบประมาณประจำปี 66 ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงบประมาณ ก่อนเสนอ ครม. ต่อไป

 

จากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบ (ร่าง) มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2566 โดย สทนช. ได้นำผลการถอดบทเรียนฯมาปรับปรุงเป็น 12 มาตรการ ได้แก่ มาตรการที่ 1 การคาดการณ์ชี้เป้าพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและพื้นที่เสี่ยงช่วงฝนทิ้งช่วง, มาตรการที่ 2 การบริหารจัดการน้ำพื้นที่ลุ่มต่ำเพื่อรองรับน้ำหลาก, มาตรการที่ 3 ทบทวนปรับปรุงการบริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำ /เขื่อนระบายน้ำและจัดทำแผนบริหารจัดการน้ำเชิงบูรณาการ, มาตรการที่ 4 เตรียมความพร้อมซ่อมแซม ปรับปรุงอาคารชลศาสตร์ ระบบระบายน้ำ โทรมาตร ให้พร้อมใช้งานและปรับปรุงแก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำ, มาตรการที่ 5 เตรียมพร้อม /วางแผนเครื่องจักร เครื่องมือบุคลากรประจำพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม และพื้นที่เสี่ยงในช่วงฝนทิ้งช่วง, มาตรการที่ 6 ตรวจความมั่นคงปลอดภัยคัน ทำนบ พนังกั้นน้ำ, มาตรการที่ 7 ขุดลอกคู คลอง และกำจัดผักตบชวา, มาตรการที่ 8 ซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ ตั้งศูนย์ส่วนหน้า ก่อนเกิดภัยและฟื้นฟูสภาพให้กลับสู่สภาพปกติ, มาตรการที่ 9 เร่งเก็บกักน้ำแหล่งน้ำทุกประเภทช่วงปลายฤดูฝน, มาตรการที่ 10 สร้างความเข้มแข็งเครือข่ายภาคประชาชนในการให้ข้อมูลสถานการณ์, มาตรการที่ 11 การสร้างการรับรู้/ประชาสัมพันธ์ และ มาตรการที่ 12 ติดตามประเมินผลปรับมาตรการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ภัย และได้เห็นชอบ แผนป้องกัน และแก้ไขภาวะน้ำท่วมปี 2566 ของลุ่มน้ำ เพื่อเตรียมความพร้อม ไว้ด้วยต่อไป

 

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงาน ร่วมกันแก้ไขปัญหาด้านน้ำ ในทุกมิติ เพื่อให้ประเทศมีความมั่นคงด้านน้ำ ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด อย่างทั่วถึง พร้อมทั้งไดักำชับให้ สทนช.เตรียมการวางแผนการกักเก็บน้ำในฤดูฝน ให้มากที่สุด

 

เพื่อไว้ใช้ในช่วงหน้าแล้ง ด้วย และให้สร้างการรับรู้ และการแจ้งเตือนภัยสถานการณ์น้ำให้ ประชาชนทราบ อย่างทั่วถึง ทันเวลาและต่อเนื่อง

 

นอกจากนั้น พล.อ.ประวิตร ยังได้ขอบคุณ สทนช. และหน่วยงานที่รับผิดชอบ 10 มาตรการฤดูแล้ง ที่สามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำของประชาชน ทั่วประเทศ ได้ผลเป็นอย่างดี ที่ผ่านมา

 

 

เก่งตรงไหน บิ๊กตู่ ซัด เศรษฐา เผยประเทศไม่ใช่ธุรกิจ

เมื่อวันที่ 1 มี.ค.2566 - ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและนโยบายพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมกิจกรรมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร รสทช.ว่า เป็นบรรยากาศแห่งมิตรไมตรี และในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและนโยบายพรรค ได้มีโอกาสพบปะสมาชิกหลายคนหลายภาคและเป็นครั้งที่ 2 ที่ได้มาสวมเสื้อให้

 

ถือเป็นเกียรติให้กันและกัน และมีความเชื่อมั่นในบรรดาสมาชิกของพรรคที่มีหลากหลาย หลายกลุ่ม หลายวัย เพราะเราต้องการเดินหน้าทำงานให้คนทุกช่วงวัย รวมถึงกลุ่มเปราะบาง กลุ่มที่มีปัญหาต่างๆ เราต้องทำให้ทุกคนได้ประโยชน์สูงสุดจากการทำงานในอนาคต ขอขอบคุณบรรดาสมาชิก ส.ส. และขอบคุณหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค กรรมการบริหารพรรค และ ผู้ใหญ่ทุกคนที่ทำให้มีวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่มีความสุข

 

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคมีความพร้อมในการเลือกตั้งแค่ไหน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรคบอกแล้วว่ามีความพร้อม ทันเวลาอย่างแน่นอน ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายและที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนด โดยพรรครวมไทยสร้างชาติจะส่งให้ครบ

 

ผู้สื่อข่าวถามว่าตั้งเป้าได้ ส.ส.อย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าตั้งเป้า แล้วไม่ได้ตามเป้าแล้วจะไปตั้งทำไม เพราะเราเชื่อมั่นว่าจะได้กว่าเป้า ส่วนเป้าที่วางไว้จะเป็นเท่าไหร่นั้นจะยังไม่บอก ทุกคนต่างหวังเช่นนั้น

 

ผู้สื่อข่าวถามว่าการจะเป็นรัฐบาลได้ ส.ส. จำนวน 250 เสียงขึ้นไป พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลกติกาก็คือจะต้องได้คะแนนเสียงสูง และต้องมีทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล เสียงมากเสียงน้อยก็จะต้องขึ้นอยู่กับบทบาทการพูดคุยต่อไปว่าเป็นรัฐบาลกันอย่างไร เพราะครั้งที่แล้วก็เป็นแบบนี้ ก็ผ่านมาแล้ว

 

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะมีทีมเศรษฐกิจมาช่วยงานหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับทีมเศรษฐกิจนั้นมี แต่เขาไม่ให้เอ่ยชื่อ เขาขออยู่เบื้องหลัง และเสนอเรื่องนั้นเรื่องนี้เข้ามา ในขณะที่ตนเองก็มีทีม การทำงานเศรษฐกิจไม่ใช่ว่าจะเก่งอยู่คนเดียวแล้วบอกว่าสุดยอดแน่นอน อย่างนั้นไม่ใช่ กลุ่มเศรษฐกิจของเรามีอยู่ทุกด้านและมีข้อเสนอเพื่อนำไปปรึกษาในคณะทำงานก่อนที่จะนำมาเข้ามาในระบบของรัฐบาลเพื่อให้เดินหน้าได้

 

ดังนั้นการจะเอานักเศรษฐกิจที่เก่งในเรื่องนั้นเรื่องนี้มาเพียงคนเดียวแล้วบอกว่าเก่งในเรื่องการบริหารประเทศ คิดว่ามันไม่ใช่

 

เมื่อถามว่ามั่นใจว่าจะสู้พรรคอื่นได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แน่นอนๆ

ถามว่า ในวันเดียวกันนี้พรรคเพื่อไทยจะเปิดตัวนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แล้วพรรครวมไทยสร้างชาติจะมีตัวชูอย่างนั้นบ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "แล้วเขาเด่นตรงไหนล่ะ ที่เสนอชื่อเขามา เขาเก่งตรงไหน เขาทำอะไรมา เขาทำธุรกิจ และประเทศชาติไม่ใช่ธุรกิจ "

 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า จำคำพูดผมเอาไว้นะ คำว่าเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ใช่เศรษฐกิจหรือธุรกิจของครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง เข้าใจหรือไม่เป็นของประเทศ ฉะนั้นต้องหาคนที่เหมาะสม และการทำงานก็มีระบบและขั้นตอนมากมายไปหมด ต้องมีคณะกรรมการ มีคนที่เก่งเศรษฐกิจ ด้านการเงิน ด้านการธนาคาร การพาณิชย์ การอุตสาหกรรม และทั้งหมดต้องมาคุยด้วยกัน ไม่ว่าใครจะเก่งด้านใด เมื่อสั่งแล้วไปไม่ได้ หรือติดกฎหมายก็ไปไม่ได้อีกอยู่ดี เราก็ต้องแก้ไขตรงนี้

 

แล้วรัฐบาลชุดหน้าจะต้องทำแบบนี้ เข้าใจหรือยัง เลิกถามเสียทีเถอะถึงหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเนี่ย"

‘ไทย’ รับมอบวัคซีนโควิดรุ่นใหม่จากเกาหลีใต้กว่า 5 แสนโดส เตรียมฉีดเป็นเข้มกระตุ้น จนท.ด่านหน้า ปลายเดือน ก.พ.นี้

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รับมอบวัคซีนไฟเซอร์ bivalent จำนวน 501,120 โดส จากรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลี ในโอกาสครบรอบ 65 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-เกาหลี เตรียมจัดสรรให้ทุกจังหวัดและกรุงเทพมหานคร สิ้นเดือน ก.พ. นี้ ใช้ฉีดเป็นเข็มกระตุ้นในเจ้าหน้าที่ด่านหน้า อาสาสมัครสาธารณสุขกลุ่ม 608  ที่เสี่ยงเกิดอาการป่วยรุนแรง

เมื่อวานนี้ (20 ก.พ.66) ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข รับมอบวัคซีนโควิด-19 รุ่นใหม่ ไฟเซอร์ bivalent จำนวน 501,120 โดส จากรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลี โดยมี นาย มุน ซึงฮยอน (Moon Seoung-hyun) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี ประจำประเทศไทย นาย จอน โจยอง (Jeon Joyoung) อัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี ประจำประเทศไทย และคณะ เป็นผู้แทนส่งมอบ นายอนุทิน กล่าวว่า ในนามรัฐบาลไทย และกระทรวงสาธารณสุข ขอขอบคุณรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีที่มีความปรารถนาดีให้กับประเทศไทยเสมอมา รวมทั้งความร่วมมือด้านสาธารณสุขในการแก้ไขสถานการณ์โรคโควิด-19

โดยสาธารณรัฐเกาหลีเคยสนับสนุนวัคซีนแอสตราเซนเนก้าให้กับไทยเป็นครั้งแรก เมื่อเดือนตุลาคม 2564 จำนวน 470,000 โดส ช่วยลดการป่วยหนักและเสียชีวิตให้กับคนไทยและคนเกาหลีที่ทำงานและอาศัยอยู่ในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี สำหรับวัคซีนที่สนับสนุนเป็นครั้งที่ 2 ในครั้งนี้ เป็นวัคซีนรุ่นใหม่ของไฟเซอร์ ชนิด bivalent ซึ่งจะเป็นล็อตแรกของประเทศไทยที่จะนำมาใช้สร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้กับกลุ่มเสี่ยงและประชาชน

“ปัจจุบัน ประเทศไทยได้ฉีดวัคซีนโควิดอย่างน้อย 1 เข็ม ครอบคลุมประชากรมากกว่า 83% และฉีดเข็มกระตุ้นไปแล้ว 39% ซึ่งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการต่อสู้กับภัยสุขภาพระดับโลก สำหรับการรับมอบวัคซีนในวันนี้ ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความร่วมมือและความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของประเทศไทยและสาธารณรัฐเกาหลีที่ไม่ใช่เพียง 65 ปีเท่านั้น แต่จะเป็นความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันตลอดไป” นายอนุทินกล่าว

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ตามมติคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค และผลการศึกษาในช่วงปลายปี 2565 ในประเทศสหรัฐอเมริกาและองค์การอนามัยโลก มีข้อแนะนำให้ใช้วัคซีนไฟเซอร์ bivalent เป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นในผู้ที่เคยได้รับวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็มขึ้นไป ซึ่งจะช่วยลดการติดเชื้อแบบมีอาการได้ประมาณ 28-56% ความปลอดภัยไม่ต่างกับวัคซีนรุ่นแรกชนิด monovalent สามารถใช้ทั้งชนิด monovalent และ bivalent มาเป็นเข็มกระตุ้นได้ เนื่องจากผลในการป้องกันโรคไม่แตกต่างกัน โดยกรมควบคุมโรคจะจัดสรรวัคซีนให้ทุกจังหวัดและกรุงเทพมหานคร ตามสัดส่วนของประชากรแต่ละจังหวัดอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม รวมทั้งจัดสรรให้กับเครือข่ายกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์ (Uhosnet) กรมการแพทย์ และสภากาชาดไทย คาดว่าจะมีการจัดส่งวัคซีนประมาณสิ้นเดือน กุมภาพันธ์นี้

สำหรับกลุ่มเป้าหมายในการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ bivalent เข็มกระตุ้น ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ด่านหน้าที่ต้องสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย อาสาสมัครสาธารณสุข กลุ่มเสี่ยงเกิดอาการป่วยรุนแรง (กลุ่ม 608) รวมถึงประชาชนทั่วไปที่มีความเสี่ยง เช่น สัมผัสกลุ่มเสี่ยง สัมผัสนักท่องเที่ยว เป็นต้น โดยต้องได้รับวัคซีนโควิด-19 มาแล้วอย่างน้อย 2 เข็ม จะฉีดเข็มที่ 3 ห่างจากเข็มที่ 2 อย่างน้อย 3 เดือน และเข็มที่ 4 ห่างจากเข็มที่ 3 อย่างน้อย 4 เดือน ส่วนผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 มาแล้วและเคยติดเชื้อ จะฉีดหลังติดเชื้ออย่างน้อย 6 เดือน

CEO ปตท. บรรยายพิเศษด้านพลังงาน-ภูมิรัฐศาสตร์ สร้างเสริมองค์ความรู้ใหม่ ให้แก่ ‘ยุวทูตคุณธรรม’

เมื่อไม่นานมานี้ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เสริมความรู้ด้านพลังงานให้กับเยาวชนรุ่นใหม่ใน ‘การประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาแกนนําเด็กและเยาวชนเพื่อเป็นยุวทูตคุณธรรมในศตวรรษที่ 21’ ในหัวข้อ ‘ความมั่นคงทางพลังงานกับภูมิรัฐศาสตร์’ โดยกล่าวถึงความเชื่อมโยงระหว่างภูมิรัฐศาสตร์ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อพลังงานของประเทศและของโลก รวมถึงภารกิจหลักของ ปตท. ในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้แก่คนไทยท่ามกลางสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไป

'ตลาดร่มหุบ' สถานีรถไฟแม่กลอง จัดงานวันวาเลนไทน์ จดทะเบียนกันบนรถไฟสายแม่กลอง มีผู้สนใจมาร่วมงานกันอย่างคึกคัก

(สมุทรสงคราม) วันที่ 14 ก.พ. 66 นายอรรถพันธุ์ สงวนเสริมศรี นายอำเภอเมืองสมุทรสงคราม ลงพื้นที่สถานีรถไฟสายแม่กลอง จัดให้มีการจดทะเบียนสมรสบนรถไฟสายแม่กลอง ภายใต้แนวคิด "ขบวนรถไฟ สายใยแห่งรัก" พร้อมด้วย นายเจริญ เจริญพรรณ นายสถานีรถไฟสายแม่กลอง ขออนุญาตใช้สถานที่ในการจดทะเบียนดังกล่าว ในวันวาเลนไทน์ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 นี้

นายอรรถพันธุ์กล่าวว่า เนื่องในโอกาสวันวาเลนไทน์ วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 ทางสำนักทะเบียน อำเภอเมืองสมุทรสงคราม ได้จัดให้มีการจดทะเบียนสมรสบนรถไฟสายแม่กลอง ภายใต้แนวคิด “ขบวนรถไฟ สายใยแห่งรัก” โดยมีกิจกรรมดังกล่าว มีการจดทะเบียนสมรสแต่ละคู่ที่ขบวนรถไฟ ลงทะเบียนไว้ และมอบของที่ระลึกต่าง ๆ เช่น กิฟต์เวาเชอร์ ให้กับคู่สมรส รวมทั้งพระเดชพระคุณพระสมุทรวชิรโสภณ เจ้าอาวาสวัดเพชรสมุทรวรวิหาร ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสมุทรสงคราม จะได้อวยพร และประพรมน้ำพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล ให้กับคู่สมรสที่มาจดทะเบียนในวันดังกล่าว

สำหรับวันวาเลนไทน์ในวันนี้มีคู่พากันมาจดทะเบียนสมรสในวันนี้ทั้งหมด 16 คู่ คู่สมรสที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมจดทะเบียนสมรสบนรถไฟสายแม่กลอง ติดต่อได้ที่สำนักทะเบียนอำเภอเมืองสมุทรสงคราม โทรศัพท์ 0-3471-4870 ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้น หากติดต่อจองคิวล่วงหน้าจะทำให้สะดวกรวดเร็ว หรือจะเดินทางมาจดทะเบียนสมรสได้ที่สถานีรถไฟสายแม่กลอง ในวันวาเลนไทม์ก็ได้เช่นกัน

'ป้าแอ๊ว' ร้านข้าวแกง เมืองจันทบุรี อิ่มอร่อยเพียง 20 บาท ข้าวสวยเติมได้ไม่อั้น ขวัญใจคนงบน้อย!!

(จันทบุรี) ชวนชิมข้าวแกงราคาสุดประหยัดอิ่มละ 20 บาท ที่ร้าน 'ข้าวแกงป้าแอ๊ว' ใกล้จุดยูเทิร์นสไลเดอร์ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี เจ้าของร้านสุดใจดี บอกเปิดร้านช่วยคนมีรายได้น้อย แกง 10 บาท ข้าว 10 บาทเติมไม่อั้น ให้เชฟทำวันละ 20 เมนู เปิดแต่เช้าถึงบ่าย 3 โมงทุกวัน ปิดเฉพาะวันเสาร์

โดยร้านข้าวแกงป้าแอ๊ว ตั้งอยู่ริมถนนรักศักดิ์ชมูล ใกล้จุดยูเทิร์นสไลเดอร์ ตำบลท่าช้าง อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี บริหารงานโดย นางแอ๊ว เลื่อมสำราญ อายุ 72 ปี หรือที่ชาวบ้านในพื้นที่เรียกว่า 'ป้าแอ๊ว' เผยว่า ตนเองมีธุรกิจร้านอาหารชื่อ 'ปลาทูเรสเตอรองท์' ซึ่งให้บริการอาหารตามสั่งหลากหลายเมนู และเปิดให้บริการในเขตตัวเมืองจันทบุรีมานานแล้ว

ส่วนการเปิดร้านข้าวแกงริมทาง ชื่อร้านข้าวแกงป้าแอ๊ว เพื่อต้องการช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อยให้ได้กินอาหารที่อร่อยและอิ่มได้ตลอดทั้งวัน และขณะนี้ได้กลายเป็นที่พึ่งยามยากของชาวบ้านในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี เพราะทางร้านจะขายแกงเพียงถ้วยละ 10 บาท ส่วนข้าวสวยถ้วยละ 10 บาทเช่นกัน แต่สามารถเติมได้แบบไม่อั้น

ที่มา : https://mgronline.com/local/detail/9660000012962

ปตท. หนุนทัพนักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทย เข้าร่วมการแข่งขัน เอเชีย มิกซ์ ทีม แชมป์เปี้ยนชิพ 2023

(11 ก.พ.66) นางกนกพร รอดรุ่งเรือง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารชื่อเสียงองค์กรและกิจการเพื่อสังคม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ให้การต้อนรับและมอบกำลังใจแก่คณะนักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทย จากสโมสรแบดมินตันที ไทยแลนด์ ก่อนเข้าร่วมการแข่งขันรายการ เอเชีย มิกซ์ ทีม แชมป์เปี้ยนชิพ หรือ ทีมผสม ชิงแชมป์เอเชีย 2023 ในระหว่างวันที่ 14 - 19 กุมภาพันธ์ 2566 ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ทีมกู้ภัย กลุ่ม ปตท. เดินทางช่วยเหลือผู้ประสบภัย จากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ใน ‘ตุรกี-ซีเรีย’

(10 ก.พ. 66) นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศตุรกีและซีเรีย เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบรุนแรงเป็นวงกว้าง ประชาชนหลายล้านคนเดือดร้อนจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้น 

สมาชิกชมรม PTT Group SEALs กลุ่ม ปตท. ได้แก่ บริษัท เอ็นพีซี เซฟตี้ แอนด์ เอ็นไวรอนเมนทอล เซอร์วิส จำกัด หรือ NPC S&E ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการช่วยเหลือเหตุภัยพิบัติ ได้ส่งทีมปฏิบัติการ พร้อมเครื่องมือและอุปกรณ์ครบชุด เพื่อช่วยเหลือเรื่องการตรวจสอบสารเคมีในจุดเกิดเหตุ ก่อนดำเนินการค้นหาช่วยเหลือกู้ภัย โดยทีมปฏิบัติการเข้าร่วมภารกิจเดินทางไปพร้อมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ในนามรัฐบาลไทย ภายใต้บันทึกข้อตกลงโครงการ Urban Search and Rescue (USAR) เพื่อให้ความช่วยเหลือกรณีเกิดภัยพิบัติทั้งภายในและต่างประเทศ มีกำหนดปฏิบัติภารกิจเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 9 - 19 กุมภาพันธ์ 2566

ปตท. หนุนงบฯ แก่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ช่วยเหลือผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ขาดแคลนทุนทรัพย์

ไม่นานมานี้ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่, นางนิวดี เจริญสิทธิพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่รัฐกิจสัมพันธ์ และนางกนกพร รอดรุ่งเรือง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารชื่อเสียงองค์กรและกิจการเพื่อสังคม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) สนับสนุนงบประมาณแก่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ขาดแคลนทุนทรัพย์จำนวน 5 ล้านบาท 

ดีต่อใจ!! 'นักท่องเที่ยวจีน' หวนเที่ยว 'พระบรมมหาราชวัง’ ในรอบหลายปี

(กรุงเทพฯ) เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 66 สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า บรรดานักท่องเที่ยวชาวจีนเดินชมและถ่ายรูป บริเวณจุดชมวิวพระบรมมหาราชวัง สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังในกรุงเทพฯ อย่างเพลิดเพลิน

รายงานระบุว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนแบบหมู่คณะกลุ่มแรกเดินทางถึงกรุงเทพฯ เมื่อวันจันทร์ (6 ก.พ.) พร้อมการต้อนรับอย่างอบอุ่นด้วยช่อดอกไม้สวยงาม และทางการจีนได้เปิดให้เดินทางท่องเที่ยวแบบหมู่คณะเป็นครั้งแรก หลังผจญโรคระบาดใหญ่มานานถึงสามปี

ภาพ/ข่าว : ซินหัว

ที่มา : https://www.facebook.com/mythaiiloveyou/posts/pfbid0E3VE4V9mKNMrxMxy1gC4NnkYJwQy9P5jmnLzjYAGJVc3X72dVwGWKwiifbFfdDf9l

‘ลุงหนู’ กำชับ ‘สธ. - คมนาคม - ท่องเที่ยว’ อำนวยความสะดวก - ดูแลมาตรการโควิดทัวร์จีน

(5 ก.พ.66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (6 ก.พ.) จะเป็นวันแรกที่ทางการจีนจะเริ่มอนุญาตให้ชาวจีนเดินทางไปท่องเที่ยวแบบหมู่คณะหรือกรุ๊ปทัวร์ได้ใน 20 ประเทศซึ่งรวมถึงประเทศไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้กำชับหน่วยงานในกำกับ ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ตรวจความพร้อมในด้านต่างๆ สำหรับการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว ตลอดจนการดูแลให้เป็นไปตามมาตรฐานการควบคุมโรค

ทั้งนี้ หน่วยงานทั้งรัฐและเอกชนประเมินสอดคล้องกันว่านักท่องเที่ยวจีนจะเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะแม้จะมีการอนุญาตให้เดินทางเป็นกรุ๊ปทัวร์ไปต่างประเทศ แต่บริษัทท่องเที่ยวที่หยุดดำเนินการมานานเกือบ 3 ปี จะต้องใช้เวลาในการปรับตัว โดยบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) ประเมินว่าปริมาณเที่ยวบินจากจีนมายังประเทศไทยตลอดปี 66 จะอยู่ที่ 36,896 เที่ยวบิน เพิ่มจากปี 65 ร้อยละ 227.6% หรือ 2 เท่า โดยเที่ยวบินจะเพิ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไปและจะมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง และคาดว่าจะกลับมาเท่ากับปี 62 ซึ่งเป็นช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 ได้ในปี 67

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับความพร้อมด้านคมนาคม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้มีการติดตามการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องและใกล้ชิด โดยในวันที่ 9 ก.พ.นี้ มีกำหนดการตรวจเยี่ยมและติดตามข้อสั่งการต่างๆ ที่ท่าอากาศสุวรรณภูมิ ซึ่งนอกจากการลงพื้นที่ตรวจความพร้อมของจุดบริการต่างๆ ในท่าอากาศยาน จะมีการประชุมผ่านระบบออนไลน์ร่วมกับท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ซึ่งเป็นท่าอากาศยานระหว่างประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อติดตามสถานการณ์ของแต่ละท่าอากาศยานภายหลังสาธารณรัฐประชาชนจีนเปิดประเทศ รวมถึงติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการขนถ่ายกระเป๋าสัมภาระในท่าอากาศยานให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ที่มา: https://siamrath.co.th/n/420615

‘รมช.มนัญญา’ เคาะ 86 ลบ. ช่วยเกษตรกรอุทัยธานี บรรเทาความเดือดร้อน หลังประสบภัยพิบัติ

(4 ก.พ.66) นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในโอกาสเป็นประธานพิธีมอบเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตรจังหวัดอุทัยธานี โดยมี นายอลงกต วรกี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี, นายธนะสิทธิ์ ธนากีรตินันท์ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดอุทัยธานี หัวหน้าส่วนราชการ และเกษตรกรจำนวน 240 คน เข้าร่วม ณ หอประชุมอาคารภักดี เทศบาลตําบลสว่างอารมณ์ อ.สว่างอารมณ์ จ.อุทัยธานี ว่า...

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีภารกิจหลักในการช่วยเหลือเยียวยาให้กับเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติต่าง ๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร ตลอดจนส่ง เสริมสนับสนุน ปัจจัยพื้นฐานทางการเกษตร โดยในปี 2565 ที่ผ่านมา จังหวัดอุทัยธานีมีเกษตรกรที่ประสบอุทกภัยพิบัติด้านการเกษตร ส่งผลให้ได้รับความเดือดร้อนทั้งด้านพืช ด้านประมง และด้านปศุสัตว์ ครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 8 อำเภอ วงเงินขอความช่วยเหลือ จำนวน 187,019,539.50 บาท ซึ่งจังหวัดอุทัยธานีได้รับการอนุมัติโอนเงินช่วยเหลือแล้ว จำนวน 86,221,714.50 บาท ได้แก่...

1.) ด้านพืช เกษตรกรได้รับเงินรวม 3,173 ราย วงเงิน 85,719,118 บาท 

2.) ด้านประมง เกษตรกรได้รับเงินรวม 19 ราย วงเงิน 108,856.50 บาท

และ 3.) ด้านปศุสัตว์ เกษตรกรได้รับเงินรวม 22 ราย วงเงิน 393,740 บาท ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างขออนุมัติขยายวงเงินจากกรมบัญชีกลาง เพื่ออนุมัติโอนเงินให้แก่เกษตรกรต่อไป

เช็กด่วน!! เช้านี้กรุงเทพฯ อ่วมหนัก ค่าฝุ่น PM 2.5 พุ่งเกินมาตรฐาน 70 พื้นที่

อัปเดตเช้านี้ ค่าฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพฯ พุ่งเกินค่ามาตรฐาน 70 พื้นที่ คุณภาพอากาศส่วนใหญ่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ แนะประชาชนงดการทำกิจกรรมกลางแจ้ง และใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร สรุปผลการตรวจวัด PM 2.5 ณ เวลา 07.00 น. พบว่า ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 72.5 มคก./ลบ.ม. ตรวจวัดค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ได้ 57-97 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม.)

โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับเมื่อวานในช่วงเวลาเดียวกัน และพบว่าเกินมาตรฐาน (มาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 70 พื้นที่ คือ

1.) เขตประเวศ ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าซีคอน สแควร์ : มีค่าเท่ากับ 97 มคก./ลบ.ม.

2.) เขตบางนา บริเวณหน้าห้าง สรรพสินค้าบิ๊กซี บางนา : มีค่าเท่ากับ 95 มคก./ลบ.ม.

3.) เขตหนองแขม สามแยกข้างป้อมตำรวจ ถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 : มีค่าเท่ากับ 91 มคก./ลบ.ม.

4.) เขตยานนาวา ใกล้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สำนักงานใหญ่ : มีค่าเท่ากับ 88 มคก./ลบ.ม.

5.) สวนธนบุรีรมย์ เขตทุ่งครุ เขตทุ่งครุ : มีค่าเท่ากับ 85 มคก./ลบ.ม.

6.) เขตบางบอน ใกล้ตลาดสุขสวัสดี : มีค่าเท่ากับ 85 มคก./ลบ.ม.

7.) เขตลาดกระบัง ด้านหน้าโรงพยาบาลลาดกระบังข้างป้อมตำรวจ : มีค่าเท่ากับ 85 มคก./ลบ.ม.

8.) เขตธนบุรี ริมป้ายรถเมล์บริเวณแยกมไหศวรรย์ : มีค่าเท่ากับ 84 มคก./ลบ.ม.

9.) เขตบางขุนเทียน ภายในสำนักงานเขตบางขุนเทียน : มีค่าเท่ากับ 84 มคก./ลบ.ม.

10.) เขตปทุมวัน หน้าห้างสามย่านมิตรทาวน์ : มีค่าเท่ากับ 84 มคก./ลบ.ม.

11.) เขตราษฎร์บูรณะ ภายในสำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ : มีค่าเท่ากับ 82 มคก./ลบ.ม.

12.) เขตภาษีเจริญ หน้ามหาวิทยาลัยสยาม(ประมาณซอยเพชรเกษม 36) ทางเข้ามหาวิทยาลัย : มีค่าเท่ากับ 82 มคก./ลบ.ม.

13.) เขตคลองสาน บริเวณหน้าห้องสมุดใต้สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน : มีค่าเท่ากับ 82 มคก./ลบ.ม.

14) .เขตจอมทอง ภายในสำนักงานเขตจอมทอง : มีค่าเท่ากับ 82 มคก./ลบ.ม.

15.) เขตทุ่งครุ หน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี : มีค่าเท่ากับ 81 มคก./ลบ.ม.

16.) เขตทวีวัฒนา ทางเข้าสนามหลวง 2 : มีค่าเท่ากับ 81 มคก./ลบ.ม.

17.) เขตสาทร สี่แยกหน้าสำนักงานเขตสาทร ซอย ถนนเซนต์หลุยส์ : มีค่าเท่ากับ 80 มคก./ลบ.ม.

18.) เขตบางคอแหลม บริเวณป้อมตำรวจสี่แยกถนนตก : มีค่าเท่ากับ 79 มคก./ลบ.ม.

19.) เขตบางกอกใหญ่ บริเวณสี่แยกท่าพระ แขวงวัดท่าพระ : มีค่าเท่ากับ 79 มคก./ลบ.ม.

20.) เขตตลิ่งชัน ถนนพุทธมณฑลสาย 1 ตัดกับถนนบรมราชชนนี : มีค่าเท่ากับ 78 มคก./ลบ.ม.

21.) เขตสัมพันธวงศ์ บริเวณหน้าหัวมุม ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ (วงเวียนโอเดียน) : มีค่าเท่ากับ 78 มคก./ลบ.ม.

22.) สวนหลวง ร.9 เขตประเวศ เขตประเวศ : มีค่าเท่ากับ 78 มคก./ลบ.ม.

23.) เขตคลองเตย ภายในสำนักงานเขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 77 มคก./ลบ.ม.

24.) เขตหนองจอก บริเวณหน้าสำนักงานเขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 77 มคก./ลบ.ม.

25.) เขตคลองสามวา ภายในสำนักงานเขตคลองสามวา : มีค่าเท่ากับ 77 มคก./ลบ.ม.

26.) เขตบางพลัด ภายในสำนักงานเขตบางพลัด : มีค่าเท่ากับ 76 มคก./ลบ.ม.

27.) เขตวังทองหลาง ด้านหน้าปั๊มน้ำมัน เอสโซ่ ซ.ลาดพร้าว 95 : มีค่าเท่ากับ 76 มคก./ลบ.ม.

28.) เขตบางซื่อ ภายในสำนักงานเขตบางซื่อ : มีค่าเท่ากับ 76 มคก./ลบ.ม.

29.) เขตพระโขนง ภายในสำนักงานเขตพระโขนง : มีค่าเท่ากับ 75 มคก./ลบ.ม.

30.) สวนทวีวนารมย์ เขตทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา : มีค่าเท่ากับ 75 มคก./ลบ.ม.

สุดงง! ชาวบ้านจอดรถยนต์ในเมืองอ่างทอง รีโมตรถยนต์ใช้งานไม่ได้หลายคัน

ชาวบ้านงง จอดรถยนต์ในเมืองอ่างทองรีโมตรถยนต์ใช้งานไม่ได้ ต้องให้ช่างมาช่วยเหลือ เผย ก่อนหน้านี้ 3-4 วัน บริเวณดังกล่าวรีโมตปิด-เปิดไม่ได้เป็นบางคัน

วันที่ 31 ม.ค. 2566 ที่ริมถนนอ่างทอง-สิงห์บุรี หน้าร้านจ๊ะเอ๋คอสเมติก ตำบลตลาดหลวง อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง ชาวบ้านผู้ใช้รถยนต์รายหนึ่งสุดงง รีโมตที่ใช้ปิด-เปิดรถยนต์ใช้งานไม่ได้ชั่วคราว เดือดร้อนต้องแจ้งช่างซ่อมกุญแจเข้ามาช่วยเหลือ

เจ้าของรถยนต์ กล่าวว่า ได้เดินทางเข้ามาส่งสินค้าบริเวณดังกล่าว แล้วรีโมตที่ใช้เปิดปิดรถยนต์เริ่มมีปัญหา ปิดประตูรถยนต์ไม่ได้อยู่สักครู่ก่อนปิดได้ แต่เปิดประตูรถไม่ได้อีก ต้องแจ้งช่างทำกุญแจมาช่วยเปิดประตูรถยนต์ให้

เบื้องต้นพบว่าถ่านรีโมตมีอยู่ปกติดี จึงไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุใด แต่สิ่งที่น่าแปลกใจกว่านั้นมากว่านั้นคือ ช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา มีชาวบ้านที่จอดรถยนต์บริเวณดังกล่าวและใกล้เคียง มีปัญหาเรื่องรีโมตปิด-เปิดไม่ได้เป็นบางคันเช่นกัน แต่ยังไม่ทราบว่าสาเหตุมาจากอะไร

ที่มา : https://mgronline.com/local/detail/9660000009701


© Copyright 2022, All rights reserved. Klang Time Thailand
Take Me Top