Saturday, 27 April 2024
Klang Time Team

เลขาสันติ - รองชัยวุฒิ พรรคพลังประชารัฐ นำทัพ ทีมว่าที่สมัคร สส. ปทุมธานี ครบทั้ง 7 เขต ขึ้นปราศรัยใหญ่

4 มี.ค.66 เมื่อเวลา 19.00 น.ที่เวทีปราศรัย ณ สวนบริษัท เคเอสเอส อินเตอร์เทคกรุ๊ป ย่านคลองสาม ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นำว่าที่ผู้สมัครจังหวัดปทุมธานีทั้ง 7 เขต ได้แก่ เขต 1 นายเสวก ประเสริฐสุข, เขต 2 นายนพดล ลัดดาแย้ม,เขต 3 นายปรีชา ชื่นชนกพิบูล,เขต 4 นายยุทธวัฒน์ หาญเกียรติกล้า,เขต 5 นายวิรัช พยุงวงษ์,เขต 6 นายเกียรติศักดิ์ ส่องแสง,และ เขต 7 น.ส.กฤษณา วงศ์คำ ขึ้นเวทีปราศรัยพบประชาชน

.

นายสันติ กล่าวว่า ตนดีใจที่วันนี้ชาวปทุมธานีให้การต้อนรับผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐอย่างอบอุ่น ซึ่งทั้ง 7 คน มีความตั้งใจที่จะเข้ามาพัฒนา และแก้ปัญหาให้กับพี่น้องชาวจังหวัดปทุมธานีอย่างแท้จริง ถ้าปทุมธานีให้โอกาสกับตัวแทนของพรรคพลังประชารัฐทั้งจังหวัด ก็จะเกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการทำงาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน

.

นายสันติ กล่าวต่อว่า ปัญหาต่าง ๆ ที่ชาวปทุมธานีเผชิญอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรถติด หรือน้ำท่วม น้ำแล้งรวมไปถึงราคาพืชผลทางการเกษตร เช่น ปุ๋ยแพง หรือแม้กระทั่งการพัฒนาลูกหลานของเรา จะได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนและเป็นรูปธรรมผ่านว่าที่ ส.ส.ทั้ง 7 คนนี้ ที่จะเข้าไปเป็นกระบอกเสียงชั้นเยี่ยมให้กับท่าน และจะเป็นปรากฎการณ์ที่ชาวปทุมธานีสร้างพลังอย่างยิ่งใหญ่ ร่วมใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เสียงของท่านก็จะดังมากขึ้นอย่างแน่นอน

.

ด้านนายชัยวุฒิ กล่าวว่า วันนี้ตนขอโอกาสมาพูดคุยกับทุกคน เพื่อเล่าถึงนโยบายดี ๆ ของพรรคพลังประชารัฐ เราต้องยอมรับว่า จังหวัดปทุมธานีเป็นจังหวัดที่มีความพร้อม และศักยภาพที่จะพัฒนาไปได้อีกไกล ตนดีใจแทนชาวปทุมทุกคน ที่มีทีมงานที่เข้มแข็งทั้ง 7 คน ตนคงไม่ต้องอธิบาย ว่าทุกคนเข้มแข็งอย่างไร เพราะชาวปทุมธานีน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ มาจากหลายหลายอาชีพที่จะมาช่วยกันคิดช่วยกันทำ เพื่อพี่น้องทุกคน แต่วันนี้ยังขาดอยู่อย่างเดียวก็คือ โอกาสจากทุกคน ผมจึงขอให้ชาวปทุมให้โอกาสกับทั้ง 7 คนได้เข้ามาทำงานเพื่อพี่น้องด้วย 

.

"นโยบายที่เป็นสโลแกนสำคัญของพรรคพลังประชารัฐก็คือ การก้าวข้ามความขัดแย้ง เราไม่ได้อยากพูดถึงอดีต แต่ต้องยอมรับว่า 8 ปีที่ผ่านมาคนไทยไม่มีความสุข จนวันนี้เห็นภาพที่ชัดเจนแล้วว่า เราสามารถก้าวข้ามความขัดแย้งได้แล้ว พิสูจน์ได้จากผู้สมัครปทุมธานีของพรรคเรา อย่าง นายกใหญ่ ก็คือแกนนำคนเสื้อแดงมาก่อน ส่วนพี่เกียรติศักดิ์ ก็เคยขึ้นเวที กปปส.มาแล้ว คอการเมืองรู้จักทั้ง 2 คนดี แต่วันนี้ทั้งคู่จับมือกันภายใต้บ้านพลังประชารัฐ ร่วมกันก้าวข้ามความขัดแย้ง อดีตจะเป็นอย่างไร มันจบไปแล้ว ใครที่ยังไม่ยอมก้าวข้ามจากอดีตก็ปล่อยให้จมอยู่กับแบบนั้น วันนี้เราจะจับมือกันเดินไปข้างหน้า เพื่อพัฒนาประเทศและจังหวัดปทุมธานีไปด้วยกัน

.

ด้านนายเสวก ประเสริฐสุข หรือ นายกใหญ่ อดีตรอง นายก อบจ.ปทุมธานี ว่าที่ผู้สมัครเขต 1 กล่าวปราศรัยว่า ปัญหาของชาวจังหวัดปทุมธานีที่เรื้อรังมาโดยตลอดคือเรื่องการคมนาคม ถนน หนทางที่ยังมีปัญหา วันนี้ผมขอโอกาสเป็นหัวหน้าทีมผู้สมัครปทุมธานีในนามของพรรคพลังประชารัฐ ผมขอเวลาแค่ 4 ปี เพื่อเข้ามาพัฒนาคุณภาพความเป็นอยู่ของชาวปทุมธานีให้ดีขึ้นกว่าเดิม 

.

ทั้งนี้ ในช่วงที่นายสันติกล่าวถึงนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะเป็น บัตรประชารัฐ 700 บาทต่อเดือน หรือ นโยบาย"ดูแลทุกช่วงวัย แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ" เพื่อดูแลสตรีของประเทศ โดยจะดูแลขณะตั้งครรภ์ตั้งแต่เดือนที่ 4 ไปจนถึงคลอดบุตร สนับสนุนเงินเดือนละ 10,000 บาท เป็นจำนวน 5 เดือน และให้การช่วยเหลือเงินเลี้ยงบุตรจำนวนเงิน 3,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 6 ปี เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับผู้หญิงที่เป็นเพศแม่นั้น ได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนชาวจังหวัดปทุมธานีอย่างคับคั่ง 

.

ซึ่งนายสันติ ได้กล่าวว่า พรรคของเราจะสร้างความมั่นคงให้กับคนไทยทุกคน ขอให้ประชาชนคนไทยทุกคนเลือกตัวแทนของท่านที่มาจากพรรคพลังประชารัฐเข้าไปในสภา เพื่อยกมือให้กับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคของเราได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เราจะทำทันทีที่ได้โอกาส

คอบร้าโกลด์ 23 เป็นการฝึกครั้งที่ 42 ในวงรอบปี Light Year

การฝึกร่วมผสม คอบร้าโกลด์ 23 เป็นการฝึกครั้งที่ 42 ในวงรอบปี Light Year ในพื้นที่ จังหวัดลพบุรี ระหว่าง 27 ก.พ. - 10 มี.ค.2566 ซึ่งกองทัพไทย และสหรัฐฯ ร่วมกันเป็นเจ้าภาพทุกปี เพื่อพัฒนาความร่วมมือและความสัมพันธ์ระหว่าง กองทัพไทย, กองทัพสหรัฐฯ และกองทัพมิตรประเทศ

 

ในการพัฒนาขีดความสามารถด้านการปฏิบัติการและการอำนวยการยุทธ์ร่วม/ผสม ด้วยกำลังขนาดใหญ่ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อกองทัพไทย ในการพัฒนาขีดความสามารถกำลังพล และเป็นไปตาม แนวทางการวางแผนการฝึกร่วมผสม คอบร้าโกลด์ ระหว่างกองทัพไทย และ กกล.สหรัฐฯ ภาคพื้นอินโดแปซิฟิก (USINDOPACOM)

 

และเมื่อวันที่ 2 มี.ค.2566 กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ โดย กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ จัดกำลังเข้าร่วมทำการฝึกแลกเปลี่ยนระหว่าง กองร้อยทหารราบยานเกราะ BTR และ กองร้อย Stryker กองพันทหารราบที่ 2-3

 

โดยแลกเปลี่ยนความรู้ในเรื่อง การปฐมพยาบาล การส่งกลับผู้ป่วยเจ็บ การบรรทุกยานเกราะ การปฏิบัติของหมวดลาดตระเวน และการยิงอาวุธประจำยานเกราะ ทั้งนี้เป็นการเพิ่มความรู้ ประสบการณ์เป็นการพัฒนาขีดความสามารถ ของหน่วย และกำลังพล ต่อไป

 

 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงพื้นที่

เมื่อวันที่ 3 มี.ค.66 พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ ลงพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

 

โดยเวลา 09.00 น. นายกรัฐมนตรี และคณะ ออกเดินทางจากสนามเฮลิคอปเตอร์ กรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ ไปยังจุดจอด ฮ.สนามกีฬากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตำบลไผ่ลิง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

 

โดยมีหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดพระนครศรีอยุธยามาให้การต้อนรับโดยเฉพาะ นางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายกอบจ. พระนครศรีอยุธยา ซึ่งได้นำขนมชื่อดังของดีเมืองอยุธยามาฝากนายกฯ พร้อมกับนั่งพูดคุยอยู่อยู่นานพักใหญ่

 

แล้วเดินทางต่อไปยังวัดใหญ่ชัยมงคล ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา โดยนายกรัฐมนตรีจะเข้ากราบสักการะพระประธาน นมัสการเจ้าอาวาสวัดใหญ่ชัยมงคล สักการะพระเจดีย์ชัยมงคล อนุสรณ์แห่งชัยชนะอันยิ่งใหญ่ ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งนายกฯได้ทำพิธีห่มผ้าพระเจดีย์ชัยมงคล และได้ขึ้นบันได ไปชมกรุด้านบน

 

สักการะพระพุทธรูปปางไสยาสน์ และสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อความเป็นสิริมงคลในโอกาสเดินทางมาตรวจราชการที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

 

โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รองผู้ว่าฯ อธิบดีกรมศิลปากร ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้การต้อนรับ

 

นอกจากนี้ยังมีประชาชน ประมาณ 10 คน มายืนถือป้ายให้กำลังใจนายกฯ อาทิ นายกฯประยุทธ์สู้สู้นะจ๊ะ เชียร์นายกลุงตู่เป็นนายกฯคนต่อไป โดนัทยังมีรูลุงตู่ยังมีเรา อยากให้ลุงตู่เป็นนายกนานๆ รักนะจุ๊บๆ

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าอาวาสวัดใหญ่ชัยมงคล ได้มอบรูปหล่อพระนเรศวร หน้าตัก 5 นิ้ว ให้กับนายกฯเพื่อเป็นสิริมงคลในการสู้ศึกเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง

 

ภายหลังจากไหว้ พระพุทธะชินราชเสร็จสิ้น นายกรัฐมนตรี ได้เดินไปยังเจดีย์ชัยมงคล โดยระหว่างทางเดินนั้น ใกล้แวะทักทายนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทั้งฝรั่งเศส ญี่ปุ่น พร้อมกับพูดคุย และถ่ายภาพร่วมกัน

 

สำหรับบรรยากาศ ที่วัดใหญ่ชัยมงคลมีประชาชนจำนวนหนึ่ง มารอต้อนรับและให้กำลังใจพล.อ.ประยุทธ์ พร้อมตะโกน นายกสู้สู้ และยังมีแม่ค้าที่บริเวณวัด ให้ความชื่นชมนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า นายกฯรูปหล่อ อีกด้วย และเป็นที่น่าสังเกตว่า มือขวาของนายกฯนั้น ยังมีอาการบวม เนื่องจากนิ้วล็อคอยู่

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรีได้ทักทายและถ่ายภาพร่วมกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยได้สอบถามว่ามาจากที่ไหน พร้อมกับบอกว่า ขอให้เราภูมิใจที่มี โบราณสถาณที่สวยงาม นักท่องเที่ยว ชาวต่างชาติอย่างอยากมาเที่ยวบ้านเรา พร้อมสอบถามนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติว่าเมืองไทยร้อนไหม

 

นายกยังได้กล่าวทักทายกับประชาชนที่มารอต้อนรับว่า ขอให้ทุกคนมีความสุข และทุกอย่างที่ทำ ทำเพื่อประเทศชาติของเรา และนายกย้ำด้วยว่า วันนี้ตนมาตรวจราชการ

 

ระหว่างสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช นั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ถวายดาบ ซึ่งในช่วงเจ้าหน้าระหว่างยกแท่นวางดาบ ที่อยู่ในฝัก เพื่อให้นายกนำไปถวายนั้น ปรากฏว่า ดาบได้หล่น จากแท่น ลงมาใส่ที่บริเวณท้องแขนของนายกฯเองด้วย ซึ่งสร้างความตกใจเล็กน้อย

 

จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์เปิดเผยว่า อธิฐานทุกครั้งให้ชาติบ้านเมืองเป็นสำคัญ ทุกคนเวลามาไหว้นึกถึงคนอื่นเขาด้วย ให้บ้านเมืองปลอดภัย มันคง แข็งแรง เรายังต้องพัฒนาประเทศชาติไปอีกไกลมาก ถ้าไม่ทำกันวันนี้ก็ไปไม่ได้หรอก ไม่สามารถทำอะไรได้เสร็จภายในวันสองวัน อย่างสมเด็จพระนเรศวร ก็ทำมาตั้งนานแล้ว

 

จากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินทางไปพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา เพื่อตรวจติดตามโครงการก่อสร้างอาคารจัดแสดงเครื่องทองอยุธยา และการจัดแสดงเครื่องทองอยุธยาและพระบรมสารีริกธาตุ

 

และเดินทางไปยังวัดศาลาปูนวรวิหาร สักการะพระประธาน และนมัสการเจ้าอาวาส

 

แล้วเดินทางไปตรวจเยี่ยมสภาพโบราณสถานเพื่อเตรียมการบูรณะ ณ วิหารพระมงคลบพิตร และวัดพระศรีสรรเพชญ์ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา

 

จากนั้น เวลา 14.30 น. นายกรัฐมนตรีจะตรวจเยี่ยมบริเวณพื้นที่โครงการปรับปรุงระบบชลประทานเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ที่วัดใหม่หญ้าไทร ตำบลลาดบัวหลวง อำเภอลาดบัวหลวง

 

โดยนายกรัฐมนตรี กราบสักการะพระประธาน และนมัสการเจ้าอาวาสวัดใหม่หญ้าไทร ก่อนไปติดตามการดำเนินโครงการปรับปรุงระบบชลประทานเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก

 

เพื่อการบริหารจัดการน้ำตลอดลุ่มน้ำเจ้าพระยา อันจะช่วยลดความเสียหายและบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม

 

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีจะพบปะประชาชน ก่อนเดินทางกลับถึงกรุงเทพมหานคร ในเวลาประมาณ 15.45 น.

 

กองพลทหารม้า

ที่บริเวณสนามบิน กองพลทหารม้าที่ 1 ค่ายพ่อขุนผาเมือง อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ พลตรี ศุภฤกษ์ สถาพรผล ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 1 เป็นประธานในการตรวจสภาพความพร้อมรบ และตรวจสอบการฝึกเป็นหน่วยกองพันเฉพาะกิจ กองพลทหารม้าที่ 1 ประจำปี 2566

 

ซึ่งกำหนดให้ กรมทหารม้าที่ 3 เป็นหน่วยรับผิดชอบจัดกำลังพล และยุทโธปกรณ์ ทำการฝึก และตรวจสอบการฝึกเป็นหน่วยกองพันเฉพาะกิจ เพื่อให้ผู้บังคับหน่วย ฝ่ายอำนวยการ ตลอดจนกำลังพลที่บรรจุในหน่วยระดับกองพัน ได้มีความชำนาญ

 

ทั้งในด้านการบังคับบัญชาอำนวยการ และการปฏิบัติในสนาม ตลอดจนมีความคุ้นเคย ในการปฏิบัติร่วมกัน เป็นหน่วยระดับกองพัน จนสามารถปฏิบัติการรบ ในสถานการณ์ทางยุทธวิธีต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อปลูกฝังให้กำลังพลของหน่วย ได้มีความรู้ ความสามารถที่เพิ่มขึ้น บรรลุตามวัตถุประสงค์การฝึก

 

ทั้งนี้ หน่วยได้ดำเนินการฝึก เตรียมการ (ในที่ตั้ง) ห้วงตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และขั้นการตรวจสอบการฝึก (นอกที่ตั้ง) ในห้วงวันที่ 1-8 มีนาคม 2566 โดยใช้พื้นที่ฝึกบริเวณ อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ และอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์

 

 

สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-ออสเตรเลียในปีนี้

ที่ห้องรับรองขวัญเมือง ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น ดร.แอนเจลา แมคโดนัลด์ (Dr. Angela Macdonald) เอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทยพร้อมคณะ เข้าพบนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เพื่อหารือข้อราชการ

 

โดยมี นายรุจติศักดิ์ รังษี หัวหน้าสำนักงานจังหวัดขอนแก่น นายชาญยุทธ วันดี พาณิชย์จังหวัดขอนแก่น นายวรเชษฐ์ ชาวเหนือ หัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์พัฒนาการเกษตร สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดขอนแก่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมปรึกษาหารือ

 

นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวต้อนรับเอกอัครราชทูตออสเตรเลียฯ ในนามจังหวัดขอนแก่น ยินดีที่ไทยและออสเตรเลียมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างกัน และมีความร่วมมือที่แน่นแฟ้นทั้งในกรอบทวิภาคี อาเซียน อนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และกรอบพหุภาคี

 

พร้อมชื่นชมสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียที่ได้จัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 71 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-ออสเตรเลียในปีนี้ หวังว่าทั้งสองประเทศจะใช้โอกาสดังกล่าวขยายความร่วมมือระหว่างกันให้ครอบคลุมแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

 

พร้อมยินดีที่ความสัมพันธ์ไทย-ออสเตรเลียมีความใกล้ชิด และมีความร่วมมือแน่นแฟ้น ทั้งในด้านการค้าและการลงทุน ความมั่นคง การศึกษา ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือด้านต่าง ๆ ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ภูมิภาคอาเซียน และภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก

 

ทั้งทางด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกัน เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือให้บรรลุผลเป็นรูปธรรม

 

ในช่วงท้าย ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมสนับสนุนการทำงานของเอกอัครราชทูตฯ และเชื่อมั่นว่า ความรู้ความสามารถและประสบการณ์ของเอกอัครราชทูตฯ จะส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างจังหวัดขอนแก่น และออสเตรเลียให้เพิ่มพูนและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

 

พร้อมอวยพรให้การดำเนินงานตลอดการประจำการที่ประเทศไทยของเอกอัครราชทูตออสเตรเลียฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

 

ดร.แอนเจลา แมคโดนัลด์ เอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย เป็นนักการทูตอาวุโสประจำกระทรวงการต่างประเทศและการค้าของออสเตรเลีย โดยก่อนหน้านี้ดำรงตำแหน่ง First Assistant Secretary กรมตะวันออกกลางและแอฟริกา (เทียบเท่าตำแหน่งบริหารระดับสูง - รองปลัดกระทรวง) และ Assistant Secretary ด้านการต่างประเทศ (เทียบเท่าตำแหน่งอธิบดี) ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (เทียบเท่ากระทรวง)

 

นอกจากนี้ ยังเคยดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าสำนักงาน (Deputy Head of Mission) ประจำสำนักงานข้าหลวงใหญ่ออสเตรเลียในกัวลาลัมเปอร์ และสถานทูตออสเตรเลีย ณ กรุงคาบูล

 

รวมทั้งเคยประจำการในบรัสเซลส์ และเวลลิงตัน ในขณะที่ประจำการ ณ กรุงแคนเบอร์รา เอกอัครราชทูตแมคโดนัลด์ ดำรงตำแหน่ง Assistant Secretary ด้านการบริหารจัดการภาวะวิกฤติ และ Assistant Secretary ด้านรัฐสภาและสื่อสารมวลชน รวมทั้งเป็นเจ้าหน้าที่บริหารของปลัดประจำสำนักนายกฯ และที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

 

 

 

กลุ่ม ปตท. เปิดงาน PTT Group Tech & Innovation Day 'Beyond Tomorrow' โชว์สุดยอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมนำอนาคต

เมื่อวานนี้ (1 มี.ค.66) นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมเป็นประธานและกล่าวปาฐกถาพิเศษด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ในพิธีเปิดงาน PTT Group Tech & Innovation Day ที่จัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘Beyond Tomorrow: นวัตกรรม นำอนาคต’ โดยมี ศ.พิเศษ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงจากกลุ่ม ปตท. หน่วยงานพันธมิตรภาครัฐ และเอกชนชั้นนำร่วมในพิธี ณ ปตท. สำนักงานใหญ่ ถ.วิภาวดีรังสิต

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า PTT Group Tech & Innovation Day ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 ก.พ. - 3 มี.ค. 66  เป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญเพื่อแสดงศักยภาพด้านเทคโนโลยี และการลงทุนด้านนวัตกรรมของกลุ่ม ปตท. ตลอดจนสร้างการรับรู้ทิศทางของเทคโนโลยีในอนาคต และหาโอกาสต่อยอดความร่วมมือทางธุรกิจใหม่ทั้งจากภายในกลุ่ม ปตท. และหน่วยงานภายนอก พร้อมทั้งผลักดันการสร้างนวัตกรรมด้านพลังงานและเทคโนโลยีต่าง ๆ ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero Emissions ภายในงานมีกิจกรรมที่น่าสนใจ ประกอบด้วย 

1.นิทรรศการ แสดงผลงานทางด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม และธุรกิจใหม่จาก กลุ่ม ปตท. ใน 7 ด้าน ประกอบด้วย Future Energy, Future Mobility, Life Science, AI, Robotics & Digitalization, Logistics & Infrastructure, Decarbonization และ Innovation Ecosystem ที่มีส่วนในการช่วยสร้างสรรค์และยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนในสังคม อาทิ การดูแลสิ่งแวดล้อมจากพลังงานสะอาด ยานยนต์ไฟฟ้า สุขภาพและการแพทย์จากวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต สิ่งอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวันของภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรมจากระบบการขนส่ง โครงสร้างพื้นฐาน หุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติและปัญญาประดิษฐ์ที่มีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คนในยุคปัจจุบัน 

2.Tech Talk เวทีแลกเปลี่ยนแนวคิด และเทรนด์เทคโนโลยี นวัตกรรมที่น่าจับตาจากภาครัฐที่ขับเคลื่อนนโยบายและผู้นำด้านนวัตกรรมกว่า 23 หัวข้อ 

และ 3.Pitching Desk พื้นที่นำเสนอนวัตกรรมและธุรกิจใหม่ของกลุ่ม ปตท. กว่า 30 แบรนด์ ที่พร้อมให้นักลงทุนและผู้สนใจได้ร่วมพูดคุย ต่อยอดและขยายโอกาสการเติบโตสู่ธุรกิจที่ไกลกว่าพลังงานไปด้วยกัน ตลอดจนจะได้พบกับสินค้านวัตกรรมที่พร้อมให้ช้อป ชิมจากกลุ่ม ปตท. อาทิ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจาก Innobic, น้ำเชื่อมหญ้าหวาน Natural Nxt, อาหารโปรตีนจากพืช NRPT, ไอศกรีมกะทิสดแท้ Kathisod Station และผลิตภัณฑ์รักษ์โลกจาก MORE 

“กลุ่ม ปตท. มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ตลอดจนเดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ เพื่อเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตเป็นที่ยอมรับทั้งในภูมิภาคอาเซียนและเวทีโลก พร้อมขับเคลื่อนทุกชีวิตด้วยพลังแห่งอนาคตได้ต่อไป” นายอรรถพลกล่าวเสริม

 

พล.อ.ประวิตร ขอบคุณ สทนช. และหน่วยงานที่รับผิดชอบ 10 มาตรการฤดูแล้ง

พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องประชุม มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

 

ที่ประชุมได้รับทราบ ผลการดำเนินงานโครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัย ระยะเร่งด่วนในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาใหญ่ จากเหตุการณ์อุทกภัยในลุ่มน้ำเจ้าพระยาปี65 ส่งผลให้มีพื้นที่ประสบอุทกภัย ราว 2.8 ล้านไร่ ใน 16 จังหวัด ภาคกลาง ซึ่ง สทนช.ได้เสนอโครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัย ระยะเร่งด่วนในพื้นที่เจ้าพระยาใหญ่ และขอรับการสนุนงบประมาณประจำปี 66 ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงบประมาณ ก่อนเสนอ ครม. ต่อไป

 

จากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบ (ร่าง) มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2566 โดย สทนช. ได้นำผลการถอดบทเรียนฯมาปรับปรุงเป็น 12 มาตรการ ได้แก่ มาตรการที่ 1 การคาดการณ์ชี้เป้าพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและพื้นที่เสี่ยงช่วงฝนทิ้งช่วง, มาตรการที่ 2 การบริหารจัดการน้ำพื้นที่ลุ่มต่ำเพื่อรองรับน้ำหลาก, มาตรการที่ 3 ทบทวนปรับปรุงการบริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำ /เขื่อนระบายน้ำและจัดทำแผนบริหารจัดการน้ำเชิงบูรณาการ, มาตรการที่ 4 เตรียมความพร้อมซ่อมแซม ปรับปรุงอาคารชลศาสตร์ ระบบระบายน้ำ โทรมาตร ให้พร้อมใช้งานและปรับปรุงแก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำ, มาตรการที่ 5 เตรียมพร้อม /วางแผนเครื่องจักร เครื่องมือบุคลากรประจำพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม และพื้นที่เสี่ยงในช่วงฝนทิ้งช่วง, มาตรการที่ 6 ตรวจความมั่นคงปลอดภัยคัน ทำนบ พนังกั้นน้ำ, มาตรการที่ 7 ขุดลอกคู คลอง และกำจัดผักตบชวา, มาตรการที่ 8 ซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ ตั้งศูนย์ส่วนหน้า ก่อนเกิดภัยและฟื้นฟูสภาพให้กลับสู่สภาพปกติ, มาตรการที่ 9 เร่งเก็บกักน้ำแหล่งน้ำทุกประเภทช่วงปลายฤดูฝน, มาตรการที่ 10 สร้างความเข้มแข็งเครือข่ายภาคประชาชนในการให้ข้อมูลสถานการณ์, มาตรการที่ 11 การสร้างการรับรู้/ประชาสัมพันธ์ และ มาตรการที่ 12 ติดตามประเมินผลปรับมาตรการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ภัย และได้เห็นชอบ แผนป้องกัน และแก้ไขภาวะน้ำท่วมปี 2566 ของลุ่มน้ำ เพื่อเตรียมความพร้อม ไว้ด้วยต่อไป

 

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงาน ร่วมกันแก้ไขปัญหาด้านน้ำ ในทุกมิติ เพื่อให้ประเทศมีความมั่นคงด้านน้ำ ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด อย่างทั่วถึง พร้อมทั้งไดักำชับให้ สทนช.เตรียมการวางแผนการกักเก็บน้ำในฤดูฝน ให้มากที่สุด

 

เพื่อไว้ใช้ในช่วงหน้าแล้ง ด้วย และให้สร้างการรับรู้ และการแจ้งเตือนภัยสถานการณ์น้ำให้ ประชาชนทราบ อย่างทั่วถึง ทันเวลาและต่อเนื่อง

 

นอกจากนั้น พล.อ.ประวิตร ยังได้ขอบคุณ สทนช. และหน่วยงานที่รับผิดชอบ 10 มาตรการฤดูแล้ง ที่สามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำของประชาชน ทั่วประเทศ ได้ผลเป็นอย่างดี ที่ผ่านมา

 

 

เก่งตรงไหน บิ๊กตู่ ซัด เศรษฐา เผยประเทศไม่ใช่ธุรกิจ

เมื่อวันที่ 1 มี.ค.2566 - ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและนโยบายพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมกิจกรรมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร รสทช.ว่า เป็นบรรยากาศแห่งมิตรไมตรี และในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและนโยบายพรรค ได้มีโอกาสพบปะสมาชิกหลายคนหลายภาคและเป็นครั้งที่ 2 ที่ได้มาสวมเสื้อให้

 

ถือเป็นเกียรติให้กันและกัน และมีความเชื่อมั่นในบรรดาสมาชิกของพรรคที่มีหลากหลาย หลายกลุ่ม หลายวัย เพราะเราต้องการเดินหน้าทำงานให้คนทุกช่วงวัย รวมถึงกลุ่มเปราะบาง กลุ่มที่มีปัญหาต่างๆ เราต้องทำให้ทุกคนได้ประโยชน์สูงสุดจากการทำงานในอนาคต ขอขอบคุณบรรดาสมาชิก ส.ส. และขอบคุณหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค กรรมการบริหารพรรค และ ผู้ใหญ่ทุกคนที่ทำให้มีวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่มีความสุข

 

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคมีความพร้อมในการเลือกตั้งแค่ไหน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรคบอกแล้วว่ามีความพร้อม ทันเวลาอย่างแน่นอน ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายและที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนด โดยพรรครวมไทยสร้างชาติจะส่งให้ครบ

 

ผู้สื่อข่าวถามว่าตั้งเป้าได้ ส.ส.อย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าตั้งเป้า แล้วไม่ได้ตามเป้าแล้วจะไปตั้งทำไม เพราะเราเชื่อมั่นว่าจะได้กว่าเป้า ส่วนเป้าที่วางไว้จะเป็นเท่าไหร่นั้นจะยังไม่บอก ทุกคนต่างหวังเช่นนั้น

 

ผู้สื่อข่าวถามว่าการจะเป็นรัฐบาลได้ ส.ส. จำนวน 250 เสียงขึ้นไป พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลกติกาก็คือจะต้องได้คะแนนเสียงสูง และต้องมีทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล เสียงมากเสียงน้อยก็จะต้องขึ้นอยู่กับบทบาทการพูดคุยต่อไปว่าเป็นรัฐบาลกันอย่างไร เพราะครั้งที่แล้วก็เป็นแบบนี้ ก็ผ่านมาแล้ว

 

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะมีทีมเศรษฐกิจมาช่วยงานหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับทีมเศรษฐกิจนั้นมี แต่เขาไม่ให้เอ่ยชื่อ เขาขออยู่เบื้องหลัง และเสนอเรื่องนั้นเรื่องนี้เข้ามา ในขณะที่ตนเองก็มีทีม การทำงานเศรษฐกิจไม่ใช่ว่าจะเก่งอยู่คนเดียวแล้วบอกว่าสุดยอดแน่นอน อย่างนั้นไม่ใช่ กลุ่มเศรษฐกิจของเรามีอยู่ทุกด้านและมีข้อเสนอเพื่อนำไปปรึกษาในคณะทำงานก่อนที่จะนำมาเข้ามาในระบบของรัฐบาลเพื่อให้เดินหน้าได้

 

ดังนั้นการจะเอานักเศรษฐกิจที่เก่งในเรื่องนั้นเรื่องนี้มาเพียงคนเดียวแล้วบอกว่าเก่งในเรื่องการบริหารประเทศ คิดว่ามันไม่ใช่

 

เมื่อถามว่ามั่นใจว่าจะสู้พรรคอื่นได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แน่นอนๆ

ถามว่า ในวันเดียวกันนี้พรรคเพื่อไทยจะเปิดตัวนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แล้วพรรครวมไทยสร้างชาติจะมีตัวชูอย่างนั้นบ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "แล้วเขาเด่นตรงไหนล่ะ ที่เสนอชื่อเขามา เขาเก่งตรงไหน เขาทำอะไรมา เขาทำธุรกิจ และประเทศชาติไม่ใช่ธุรกิจ "

 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า จำคำพูดผมเอาไว้นะ คำว่าเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ใช่เศรษฐกิจหรือธุรกิจของครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง เข้าใจหรือไม่เป็นของประเทศ ฉะนั้นต้องหาคนที่เหมาะสม และการทำงานก็มีระบบและขั้นตอนมากมายไปหมด ต้องมีคณะกรรมการ มีคนที่เก่งเศรษฐกิจ ด้านการเงิน ด้านการธนาคาร การพาณิชย์ การอุตสาหกรรม และทั้งหมดต้องมาคุยด้วยกัน ไม่ว่าใครจะเก่งด้านใด เมื่อสั่งแล้วไปไม่ได้ หรือติดกฎหมายก็ไปไม่ได้อีกอยู่ดี เราก็ต้องแก้ไขตรงนี้

 

แล้วรัฐบาลชุดหน้าจะต้องทำแบบนี้ เข้าใจหรือยัง เลิกถามเสียทีเถอะถึงหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเนี่ย"

1 มีนาคม พ.ศ. 2433 รัชกาลที่ 5 ประกาศพระบรมราชโองการ ให้สร้างทางรถไฟสายแรก กรุงเทพฯ ถึงนครราชสีมา

วันนี้ เมื่อ 133 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประกาศพระบรมราชโองการ ให้สร้างทางรถไฟตั้งแต่กรุงเทพ ฯ ถึงเมืองนครราชสีมาเป็นทางรถไฟสายแรกในราชอาณาจักรไทย

เมื่อ พ.ศ. 2398 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงได้รับพระราชสาส์นและเครื่องราชบรรณาการจากสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร ซึ่งในเครื่องราชบรรณาการนั้นมีรถไฟเล็กจำลองย่อส่วนจากรถจักรไอน้ำของจริงที่ใช้ในเกาะอังกฤษ ประกอบด้วยหัวรถจักรไอน้ำชนิดมีปล่องสูงและรถพ่วงครบขบวน ซึ่งเป็นที่สนพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในขณะนั้น แต่ตลอดรัชสมัยของพระองค์ยังไม่มีการสร้างทางรถไฟเกิดขึ้น เพราะภาวะเศรษฐกิจของราชอาณาจักรสยามในขณะนั้นยังอยู่ในฐานะที่ไม่มั่นคงและยังมีจำนวนประชากรน้อยอยู่

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงได้รับแรงบันดาลพระราชหฤทัยจากการทรงทอดพระเนตรการสร้างทางรถไฟในชวาและทรงประทับรถไฟในอินเดีย พระองค์ทรงเห็นว่ารถไฟจะทำให้ราชอาณาจักรสยามมีความเจริญยิ่งขึ้น และจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงให้กับราชอาณาจักรได้ ซึ่งในขณะนั้นราชอาณาจักรสยามกำลังถูกกดดันจากชาติตะวันตกในการล่าอาณานิคม ดังนั้นการสร้างทางรถไฟจึงได้เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2433 โดยมีประกาศพระบรมราชโองการสร้างทางรถไฟสยามตั้งแต่กรุงเทพมหานครถึงนครราชสีมา ดังมีข้อความแสดงพระราชดำริบางดอนว่า

"การสร้างหนทางรถไฟเดินไปมาในระหว่างหัวเมืองไกล เป็นเหตุให้ความเจริญแก่บ้านเมืองได้เป็นอย่างสำคัญอันหนึ่ง เพราะทางรถๆฟอาจจะชักย่นหนทางหัวเมืองซึ่งตั้งอยู่ไกลไปมาถึงกันยากให้กลับเป็นหัวเมืองใกล้ไปมาถึงกันได้โดยสะดวกเร็วพลัน การย้ายขนสินค้าไปมาเป็นการลำบาก ก็สามารถจะย้ายขนไปมาถึงกันได้โดยง่าย เป็นการเปิดโอกาสให้อาณาประชาราษฎร์ มีทางตั้งการทำมาหากินกว้างขวางออกไปและทำทรัพย์สมบัติกรุงสยามให้มากมียิ่งขึ้นด้วย ทั้งเป็นคุณประโยชน์ในการบังคับบัญชา ตรวจตราราชการบำรุงรักษาพระราชอาณาเขตให้ราษฎรอยู่เย็นเป็นสุขได้โดยสะดวก"

ต่อมาในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2433 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนากรมรถไฟขึ้นเป็นครั้งแรกในสังกัดกระทรวงโยธาธิการ จากนั้นในวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2434 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ไปทรงขุดดินถมทางรถไฟหลวงสายแรก

สำหรับการก่อสร้างทางรถไฟสายนครราชสีมาได้แล้วเสร็จบางส่วน ในวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2439 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรีพระอัครราชเทวี ไปทรงประกอบพระราชพิธีเปิดการเดินรถไฟหลวงสายแรกในราชอาณาจักร พระองค์ทรงตอกหมุดตรึงรางรถไฟกับไม้หมอนและเสด็จพระราชดำเนินโดยรถไฟพระที่นั่งไปยังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ก้มกราบแผ่นดิน หลังลี้ภัยในต่างแดน 1 ปี 5 เดือน

วันนี้ เมื่อ 15 ปีก่อน ทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับประเทศไทยเป็นครั้งแรก หลังจากต้องลี้ภัยในต่างแดนเป็นเวลา 1 ปี 5 เดือน จากเหตุรัฐประหารเมื่อ 19 กันยายน 2549

ย้อนกลับไปเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2551 ได้มีภาพของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปรากฏและเป็นข่าวโด่งดังซึ่งประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก กับกรณีการ ก้มกราบแผ่นดิน ที่สนามบินสุวรรณภูมิ

หลังจากที่ นายทักษิณ ต้องออกจากประเทศไทยและลี้ภัยไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษนานถึง 1 ปี 5 เดือน เนื่องจากถูกปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งนำโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ในฐานะคณะปฏิรูปการปกครองในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ คปค. เมื่อปี 2549

เหตุการณ์ในวันนั้น เมื่อนายทักษิณ เดินทางมาถึง ได้อยู่ภายในห้องวีไอพีกับครอบครัว ซึ่งเป็นห้องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจัดเตรียมไว้ให้เซ็นรับทราบข้อกล่าวหา รวมถึงทำกระบวนการต่างๆ ตรวจพาสปอร์ต จากนั้นได้เดินออกจากอาคารสนามบินสุวรรณภูมิทักทายอดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย รัฐมนตรี และ ส.ส. ที่มายืนรอต้อนรับ


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. Klang Time Thailand
Take Me Top